วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คาวสวาท กามโลกีย์ 5

(คาวสวาท กามโลกีย์5)
เมื่อชายหนุ่มเดินลงมาข้างล่าง สภาพของห้องรับแขกที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีขยะสกปรก หรือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเก่าๆ ให้เกะกะรกหูรกตา ทำให้พนมอดรู้สึกสะท้อนใจออกมาไม่ได้

ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือด
นี่ถ้าเขาเข้าใจผิดปรีณาไปล่ะ? มันคงไม่มีคำว่าให้อภัย กับการกระทำอันเลวร้ายสามานย์ที่เขาได้สร้างรอยมลทินไว้กับชีวิตของน้อง ภรรยาของเขาเลย
ความฉุกคิดนั้น ทำให้พนมหลับตานึกทีท่าอันน่าสงสารเวทนาของปรีณาแล้วต้องรู้สึกยอกแสยงใจขึ้นมารุนแรง
ชายหนุ่มมองเวลาซึ่งล่วงเลยไปเกือบสามทุ่มแล้ว จึงตัดสินใจโทรไปยังที่บ้านของภรรยา
"คุณสายใจหรือครับ นี่ผมพนมพูดนะครับ.."
พนมทักทาย สายใจแม่บ้านผู้ซึ่งเป็นคนรับสาย และบ่งบอกว่าคืนนี้ปรีณาจะค้างคืนที่บ้านเขา
สายใจอึกอัก ถึงแม้เธอจะรู้ว่าปรีณาไปค้างคืนที่นั่นบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะไปโดยมีปาริฉัตรอยู่ด้วย ไม่เหมือนตอนนี้ และคุณบีของเธอก็เป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วย
"เอ่อ..ถ้าคุณหนึ่งไม่สะดวกมาส่งคุณบี ยังไงให้ดิฉันนั่งแทกซี่ไปรับคุณบีก็ได้นะคะ"
แม่บ้านวัยกลางคนพูดอย่างเกรงใจ พนมนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก็ว่าต่อ
"น้องบีเขาบ่นเบื่อๆ อยากค้างที่นี่ คุณสายใจไม่ต้องเป็นห่วง....ผมรับประกันความปลอดภัยของเธอเต็มที่"
ชายหนุ่มพูดปดไปแล้วก็อดจะละอายแก่ใจตัวเองไม่ได้ ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเชื่อคำพูดของเขาสนิท และฝากฝังให้เขาช่วยดูแลคุณบีของเธอ มันทำให้พนมต้องกำมือของเขาแนบแน่นด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่กล่าว

ลาและวางหูโทรศัพท์ลง
พนมเข้าไปในห้องครัว แลเห็นความเรียบร้อย สะอาดสะอ้านของสถานที่ และในที่สุดเมื่อชายหนุ่มเห็นจานข้าวผัดที่เตรียมท่าคอยอยู่ นัยน์ตาของเขาก็อดที่จะปรากฏรอยน้ำตาซึมออกมาไม่ได้
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจยาว ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะรับประทานอาหารด้วยทีท่าท้อแท้ ละเหี่ยใจอย่างสุดขีด
เริงชัยขับรถเบนซ์คันรูของเขาเข้าไปในคฤหาสถน์หลังใหญ่ ซึ่งในเวลานั้นประดับประดาด้วยแสงไฟสว่างไสว ลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่คลาคล่ำ ผู้คนที่เดินไปมาตามบริเวณจุดต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคล

ที่แต่งการภูมิฐาน สุภาพบุรุษในชุดสูท และสุภาพสตรีในชุดราตรีงดงาม
หนุ่มใหญ่เคลื่อนรถไปจอดเทียบตรงจุดปล่อยรถ โดยที่มีพนักงานในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ปราดเข้ามาเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
พลันเมื่อบุรุษสตรีคู่ใหม่ก้าวออกจากรถ เดินเคียงกันเข้าไปในตัวคฤหาสถน์หลังใหญ่ สายตาของผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็จับจ้องไปกันเป็นจุดเดียว เสียงซุบซิบดังแว่วมากันพึมพำ
"นั่นคุณเริงชัยนี่..ไม่รู้พาใครมา สง่าราวกับเจ้าหญิง..."
เสียงหนึ่งแว่วเข้ามา ทำให้หญิงสาวในชุดราตรียาวสีครีม อดใบหน้าร้อนวูบไม่ได้ วงหน้างดงามที่คืนนี้ตบแต่งอย่างเข้มกว่าปกติ ยังแดงระเรื่อออกมาจนแลเห็นได้
"นั่นสินะ..สวยเหลือเกิน อยากรู้จังว่าลูกหลานใคร..."
สุ้มเสียงที่พึมพำอยู่รอบข้างนั้น ทำให้เริงชัยสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรู้สึกภาคภูมิใจ ขณะกวาดตามองไปยังหญิงสาวด้านข้างด้วยแววตาอันดื่มด่ำ
วงหน้าที่งดงามตามธรรมชาตินั้นถูกตบแต่งด้วยสีรูจอ่อน นัยน์ตาคู่งามชวนฝันถูกแต่งเติมให้ลึกซึ้งด้วยอาย์ชาโดว์สีน้ำเงินเข้ม ริมฝากบางงามราวกับกลีบกุหลาบนั้นก็อิ่มเอิบอยู่ภายใต้สีชมพูอ่อนของลิปสติก

เนื้อเนียน ผมดำขลับนุ่มเนียนราวกับไหมถูกดัดแต่งรวบขึ้นไปกลางศีรษะเผยให้เห็นช่วงคอ ขาวระหงที่ถูกเชิดชูให้ละลานตาด้วยสร้อยเพรชเนื้อดีส่งประกายวูบวาบ ลาดลงไปตามช่วงบ่าอ่อนช้อยงามได้รูป

จนถึงหัวไหล่กลมมนนั้นเล่าก็ผุดผาดขาวผ่องเป็นยองใย เนื่องจากชุดราตรีนั้นเปิดไหล่ออกข้างหนึ่ง
ชุดราตรีสีครีมที่ตัดด้วยผ้าเนื้อลื่นเป็นมันวาว กระชับเข้ากับเรือนร่างที่แบบบาง เน้นให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่งดงามละลานตา กระโปรงยาวที่ปกคลุมสะโพกผายนั้น ผ่าข้างขึ้นมาถึงระดับเหนือหัวเข่าเล็กน้อย

ยามที่หญิงสาวก้าวเดินนั้นทำให้แลเห็นช่วงขาขาวสล้างเรียวสวยไร้ที่ติโดยไม่ ต้องอาศัยถุงน่องมาช่วยเสริมเลยแม้แต่น้อย สายตาหลายหลากจับจ้องไปอย่างตื่นใจจรดปลายเท้าที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงสีขาว ที่

เน้นให้ร่างสูงเพรียวบางนั้นดูโปร่งงามมากยิ่งขึ้น
ทุกอย่างประกอบกันนั้นเหมาะเจาะ งดงาม เชิดชูให้หญิงสาวนั้นสวยสง่าราวกับเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์
ปาริฉัตรที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสแต่งตัวเต็มยศมางานในระดับนี้อดที่จะประหม่า ไม่ได้ ยิ่งสายตาของผู้คนที่จับจ้องมองมายังเธอราวกับเป็นจุดเดียว ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกขาสั่นระริกอย่างตื่นเต้น
หญิงสาวหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่มาในวันนี้ ซึ่งเธอที่แทบทั้งวันนอนพักผ่อนเนื่องจากความอ่อนล้าทางร่างกาย หลังจากทานยาแก้ปวดไปในตอนเช้านั้น เธอก็หลับสนิทรวดเดียวไปตื่นขึ้นอีกทีก็ตอนบ่าย

แก่ๆ มากแล้ว
ปาริฉัตรรู้สึกสับสนในใจเหลือประมาณ หญิงสาวพยายามบ่ายเบี่ยงการโอบกอดเล้าโลมของเริงชัยที่แทบจะเข้ามาหาทันทีที่เขารู้ว่าเธอตื่น
ทว่าในเวลานั้นหญิงสาวไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรต่อเริงชัยเลยแม้แต่น้อยนิด ความปรารถนาอย่างเดียวก็คือการออกไปจากบ้านพักหลังนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ จะเร็วได้เท่านั้น
ปาริฉัตรขอร้องให้เขาพาเธอกลับกรุงเทพ ถ้ามิเช่นนั้นเธอก็จะกลับโดยการนั่งรถบริการขนส่งเอง ซึ่งเริงชัยนิ่งไปชั่วอึดใจใหญ่ก็บอกกับเธอว่าตกลงตามใจเธอ แต่เขาขอให้เธอไปร่วมงานวันเกิดของผู้หลัก

ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งพอเขาเอ่ยนาม หญิงสาวก็จำได้ว่าเป็นนักการเมืองที่ชื่อเสียงค่อนข้างจะอื้อฉาวคนหนึ่ง
เธอไม่ต้องการไป ก็กล่าวปฏิเสธ แต่เริงชัยยืนยันว่า
"ท่านพบพวกเราเมื่อคืนที่โรงแรม เลยเจาะจงเชิญคุณเอด้วย ถ้าท่านรู้เข้าว่าคุณเอปฏิเสธคำเชิญ มันคงไม่ดีแน่"
ปาริฉัตรมีสีหน้าลังเลใจขึ้นมาทันที ใจหนึ่งไม่อยากไป แต่อีกใจหนึ่งกลัวมีเรื่องเหมือนกัน เธอจำได้ว่าเคยฟังสามีวิจาร์ณให้พังว่า "ท่าน" คนนี้มีอิทธิพลมากพอสมควรในรัฐบาลปัจจุบัน
"เอาเถอะครับ คุณเอ นึกว่าเห็นกับผมก็แล้วกัน ผมรับปากท่านไว้แล้ว พอพรุ่งนี้เช้าเราจะกลับกรุงเทพกันแต่เช้ามืดเลย ดีไหมครับ"
เริงชัยพูด ปาริฉัตรนิ่งคิดตรึกตรอง แล้วในที่สุดก็ผงกศีรษะตกลง
จากนั้นเริงชัยก็พาเธอไปทำผม แต่งหน้า ไปหาซื้อชุดราตรีที่ร้านตัดเสื้อหรูหราในตัวเมือง แม้ว่าปาริฉัตรจะพยายามบอกว่าไม่ต้องสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่เริงชัยก็หาฟังไม่ จนกระทั่งเมื่อทุกอย่างเสร็จ

สรรหญิงสาวที่มองตัวเองผ่านกระจากเงายังแทบไม่เชื่อว่าเงาภาพที่ปรากฏกายตรงหน้านั้นคือตัวของเธอเอง
เริงชัยที่มองเห็นปาริฉัตรแว่บแรกนั้น หนุ่มใหญ่มีใบหน้าตะลึงงัน อ้าปากค้าง เขาต้องระงับสติอารมณ์อยู่อึดใจใหญ่ ถึงค่อยโพล่งออกมาได้
"คุณเอ..คุณเอ..สวยเหลือเกิน"
เริงชัยพูดด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ถึงแม้ในขณะนั้นปาริฉัตรยังอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ หญิงสาวก็อดจะมีใบหน้าสีชมพูด้วยความขวยอายไม่ได้
และในที่สุดก็มาถึง ณ เวลานี้ ที่เธอเดินเคียงข้างเขาตรงไปเข้าไปสู่คฤหาสถน์หลังงามตรงหน้า
"ท่าน" เป็นชายกลางคนตัวใหญ่ วัยประมาณสี่สิบกว่าปี ใบหน้าสีเหลี่ยม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นตาคู่นั้น เมื่อมาพบเห็นตรงๆ นั้นดูมีอำนาจน่าเกรงขามอย่างประหลาด จนปาริฉัตรที่พนมมือไหว้เขานั้น

รู้สึกตัวเองเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ เมื่อเขารับไหว้แล้วพูดยิ้มๆ สายตากวาดไปทั่วตัวของเธออย่างชื่นชม
"ผมเห็นคุณเริงชัยกับคุณปาริฉัตรเมื่อคืนที่โรงแรม จึงเชิญมาร่วมงานวันเกิดของผม ดีใจมากที่คุณปาริฉัตรให้เกียรติ์"
"ท่าน" พูดยิ้มๆ ขณะที่หญิงสาวรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา
"ไม่..ไม่ค่ะ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติ์มากกว่าที่ท่านให้ความกรุณาเชื้อเชิญ..."
"ท่าน" หัวเราะเสียงดัง หันมาทางเริงชัย
"เชิญ คุณเริงชัย พาคุณปาริฉัตรเข้าไปข้างในก่อน ต้องขอโทษที่ยังต้องยืนรับแขกอยู่ตรงนี้ก่อนสักพัก แล้วจะตามเข้าไปคุยด้วย"
เริงชัยหัวเราะเบาๆ ยกมือแตะข้อศอกของปาริฉัตรด้วยท่วงทีสุภาพอย่างเจนจัดในการรู้จักวางตัวใน งานสังคม ปาริฉัตรจึงไม่ค่อยรู้สึกเคอะเขินมาก เมื่อเดินเคียงข้างหนุ่มใหญ่เข้าไปด้านใน
ในห้องโถงใหญ่นั้น แขกเหรื่อที่มาร่วมงานจับกลุ่มคุยกันอยู่ตามจุดต่างๆ มีบริกรแต่งกายเต็มยศเดินถือถาดเครื่องดื่มบริการด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว ซึ่งเริงชัยก็หยิบพันช์แก้วหนึ่งให้กับปาริฉัตรส่วนตัวเขานั้น

ดื่มคอนยัค
มีคนรู้จักเริงชัยสองสามคนแวะเข้ามาคุยด้วย ปาริฉัตรซึ่งไม่รู้จักใครเลยในงานนั้น เดินเลี่ยงไปยืนเงียบๆ อยู่ข้างกระถางปาล์มที่มุมห้อง
ดวงตาสวยซึ้งของหญิงสาวอดกวาดไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่ก่อสร้างอย่างสวยงามปราณีตไม่ได้ เพราะความที่เป็นคนรักในการออกแบบตกแต่ง
หญิงสาวมองไปพลางก็ครุ่นคิดอะไรไปพลาง พอได้มายืนเงียบๆ คนเดียว ความรู้สึกสะทกสะท้อน เปลี่ยวเปล่า หวาดกลัว ก็พลุ่งขึ้นมา สับสนปนเปกันอยู่ในใจ จนทำให้เธอมองเหม่อขึ้นไปลอยๆ อย่างไร้

จุดหมาย ตกอยู่ในภวังค์แห่งความครุ่นคิด
จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ทำให้ปาริฉัตรสะดุ้งเพราะยืนใจลอยอยู่
"สวัสดีครับ คุณปาริฉัตรใช่ไหมครับ"
ปาริฉัตรหันขวับไป ก็พบว่าคนพูดเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ ใบหน้าสีเหลี่ยมเข้มนั้นดูปราดเดียวก็พอจะมองออกว่ามีความสัมพันธุ์แนบแน่น กับ "ท่าน" ผู้เป็นเจ้าของงาน
หญิงสาวอึกอัก เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาเคยเห็นใบหน้านี้ในจอทีวี หรือภาพข่าวสังคมในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เธอจำชื่อเขาไม่ได้
ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดเธอออก รีบแนะนำตัว
"ผมชัยชนะครับ"
พอเขาพูด ปาริฉัตรก็จำได้ว่าคนๆ นี้คือบุตรชายคนโตในจำนวนสองคนของ "ท่าน" นั่นเอง
"เอ้อ..สวัสดีค่ะ คุณชัยชนะ"
ปาริฉัตรกล่าวพลางพนมมือไหว้เขา ซึ่งชัยชนะรับไหว้พลางกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตา แปลกๆ จนปาริฉัตรอดรู้สึกขนลุกไม่ได้ ต้องขยับตัวอย่างอึดอัด
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดจาอะไรกันต่อไป ร่างของชายอีกคนหนึ่งก็เดินสมทบเข้ามาพร้อมกับคำพูดหยอกเย้า
"นี่พี่ชัย..มายืนคุยกับสาวสวยๆ แล้วไม่แนะนำให้ผมรู้จักบ้างหรือไง"
ชายหนุ่มที่ร่างผอมสูง ใบหน้าที่ค่อนข้างแสดงว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์นั้นหันมามองดูปาริฉัตรตรงๆ แบบไม่เกรงใจ ขณะที่ชัยชนะยิ้ม ส่ายศีรษะพลางว่า
"คุณปาริฉัตรครับ นี่คือเชี่ยวชาญ น้องชายผมเอง...นายชาญนี่คุณปาริฉัตร เธอมากับคุณเริงชัย"
แม้ปาริฉัตรจะไม่ชอบสายตาของเชี่ยวชาญที่จ้องมองเธอเอาเสียเลย แต่ก็พนมมือไหว้เขาอย่างอ่อนน้อม เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนมีศักดิ์ฐานะสูงกว่าเธอมากนัก ซึ่งเชี่ยวชาญแค่ผงกศีรษะรับการไหว้ของ

เธอเท่านั้น สายตายังไม่หลีกไปจากการเวียนวนไปตามวงหน้าอ่อนหวานของหญิงสาว
"ยินดีที่ได้รู้จักคนสวยๆ อย่างคุณปาริฉัตรครับ"
เชี่ยวชาญพูดยิ้มๆ ปาริฉัตรได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขา ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจเป็นกำลัง แต่ไม่กล้าแสดงออกอะไรมากไปกว่าฝืนยิ้มรับเท่านั้น
ทั้งชัยชนะและเชี่ยวชาญชวนปาริฉัตรพูดคุยไปเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวที่ยืนฟังคำพูดของคนทั้งสองที่ออกจะพูดทำนองอวด ตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เป็นบุตรชายของคนที่มีชื่อเสียงและอำนาจใน

วงการเมืองปัจจุบัน
เมื่อมาถึงจังหวะหนึ่งที่เริงชัยเดินเข้ามาสมทบ แล้วพูดเสียงเคล้าหัวเราะ
"มายืนคุยกันที่นี้เองหรือครับ"
ปาริฉัตรได้ทีถือเป็นโอกาส รีบกล่าวเบาๆ
"ขอโทษนะคะ ดิฉันขอไปทำธุระส่วนตัว"
หญิงสาวพูดจบก็วางแก้วพันช์ลงบนโต๊ะใกล้ๆ แล้วเดินเลี่ยงไป เธอแวะสอบถามทางไปห้องน้ำจากบริกรที่เดินอยู่ แล้วเดินออกไปจากห้องโถงนั้น โดยมีสายตาของสามหนุ่มมองตามไปจนสุดด้วยประกาย

ตาแวววาว
ปาริฉัตรที่เข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ ยืนจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก พลางเฝ้าบอกกับตัวเองว่า ให้ฝืนใจทนอีกหน่อย พรุ่งนี้เธอก็จะกลับบ้านแล้ว
นับจากนั้น เส้นทางชีวิตของเธอคงไม่ต้องหวนมาประสบกับคนเหล่านี้ สังคมเหล่านี้อีก
หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาวๆ สำรวจดูความเรียบร้อยบนใบหน้าอีกพักหนึ่ง แล้วก็เดินกลับออกไปยังห้องโถงใหญ่ ซึ่งตอนนั้นทั้งเริงชัยและชายหนุ่มสองพี่น้องยังคงยืนคุยกันอยู่
พอปาริฉัตรเดินไปสมทบ ชัยชนะก็เอ่ยขึ้น
"พอคุยกับคุณเริงชัย ถึงเพิ่งรู้ว่าคุณเอเป็นมัณฑนากรฝีมือเยี่ยม"
เขาชมตรงๆ ทำให้ปาริฉัตรอดหน้าแดงไม่ได้ กล่าวเบาๆ อย่างถ่อมตัว
"โอ..ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเพิ่งจบมาไม่นานแท้ๆ ยังไม่ได้ผ่านงานใหญ่ๆ เลยด้วยซ้ำไป"
เชี่ยวชาญกระดิกนิ้วเรียกบริกร และหยิบพันช์แดงสดแก้วใหม่ให้หญิงสาว ซึ่งปาริฉัตรขัดไม่ได้ก็ยิ้มขอบคุณ รับมาถือไว้เฉยๆ
แต่เมื่อสามหนุ่มชูแก้วขึ้นให้กับเธอ ปาริฉัตรก็ได้แต่ยกให้กับพวกเขา และดื่มไปจิบหนึ่ง
แม้จะเป็นแอลกอฮอล์ที่เจือจางมาก แต่ปาริฉัตรไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ มิหนำซ้ำยังแพ้เอาง่ายๆ แค่จิบนั้นก็ทำให้ใบหน้างดงามชวนฝันของหญิงสาวแดงเรื่อขึ้นมา สายตาของบุรุษทั้งสามคนที่ยืนอยู่

ข้างๆ เขม้นมองไปอย่างหลงใหลแบบไม่มีปิดบัง
ปาริฉัตรเห็นแววตาของคนทั้งสาม ไม่รู้จะทำอะไรได้นอกเหนือไปจากเสมองไปที่แก้วพันช์ของตนเองนิ่ง สองแก้มนั้นระผะผ่าว
ชัยชนะตอนนั้นกล่าวขึ้น
"ถ้าคุณเอ...เอ่อ คุณปาริฉัตร..."
หญิงสาวรีบกล่าวขึ้นทันทีด้วยไมตรีจิตอันเป็นคุณสมบัติประจำตน
"เรียกดิฉันว่าเอก็ได้ค่ะ คุณชัยชนะ"
ชัยชนะก้มศีรษะยิ้มให้
"ขอบคุณครับ คุณเอ...ถ้าคุณเอสนใจ ห้องโชว์ของป๋ามีสวยๆ หลายห้อง เชิญคุณเอไปดูและให้ความคิดเห็นหน่อยสิครับ"
ปาริฉัตรฝืนยิ้มออกมา ส่ายศีรษะ กล่าวเสียงอ่อนเบา
"ดิฉันคงไม่บังอาจหรอกค่ะ คุณชัยชนะ ความรู้ยังด้อยเหลือเกิน"
ตอนนั้นพอดี "ท่าน" เดินเข้ามายังกลุ่มสนทนา ทักทายเสียงกังวาน
"ใครบังอาจ หรือไม่บังอาจครับ คุณปาริฉัตรผมได้ยินเสียงแว่วๆ"
ปาริฉัตรใบหน้าแดงเรื่อ ขณะที่อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี เชี่ยวชาญก็บอกเสียงเคล้าหัวเราะ
"พี่ชัยขอให้คุณเอไปติชม ห้องโชว์ของป๋าน่ะสิ แต่คุณเอคงเกรงใจ ไม่กล้า"
"ท่าน" หัวเราะเสียงดัง หันไปทางปาริฉัตร
"อย่ากระนั้นเลยครับคุณปาริฉัตร ได้ข่าวว่าคุณจบสถาปัตยกรรมจากจุฬาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จะมาว่าความรู้อ่อนได้ยังไงกัน"
หญิงสาวยืนอ้ำอึ้ง ถูกชมซึ่งๆ หน้าทำให้ปาริฉัตรทำอะไรไม่ถูก "ท่าน" หัวเราะแล้วผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ
"เชิญหน่อยเถอะครับ ให้นายชาญพาคุณปาริฉัตรไปดูห้องโชว์ของผมหน่อย ช่วยติชมให้ความเห็นสักเล็กน้อยนะครับ"
ปาริฉัตรฝืนยิ้มออกมาอย่างสุดเกรงใจ ไม่กล้าขัด "ท่าน" ก็ได้แต่ผงกศีรษะรับคำ
"ท่าน" หันมายังชัยชนะ พลางกล่าวว่า
"ส่วนนายชัย อยู่คุยอะไรกับฉันและคุณเริงชัยหน่อย แกน่ะต้องเรียนรู้จากคุณเริงชัยให้มากเข้าไว้รู้ไม๊"
ปาริฉัตรมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีที่รู้ว่าต้องไปตามลำพังกับเชี่ยวชาญ เริงชัยเดินเข้ามาใกล้กล่าวเสียงนุ่มนวล
"เดี๋ยวผมตามไปครับ"
ปาริฉัตรค่อยๆ ผ่อนลมหายใจยาว ปลอบใจตัวเอง พยายามตั้งสติแล้วเดินตามเชี่ยวชาญซึ่งยิ้มกริ่มนำพาหญิงสาวเดินออกไปนอกห้องโถงใหญ่
เชี่ยวชาญพาปาริฉัตรออกไปทางปีกด้านซ้ายของคฤหาสถน์หลังงาม เดินผ่านห้องจัดเลี้ยงเล็กๆ อีกสองห้องก็เข้าสู่ทางเดินที่ปูพรมลาดสีน้ำเงิน ตามผนังซึ่งเป็นไม้สักอย่างดี แขวนรูปภาพที่ชนะการประกวด

จากที่ต่างๆ เรียงรายเป็นระยะ
ปาริฉัตรครุ่นคิดกับตนเอง ถ้าไม่ติดว่าเธอไม่ชอบบรรยากาศของงานเลี้ยง และทีท่าของชายหนุ่มเบื้องหน้าเอามากๆ เธอคงจะเพลิดเพลินไปกับเดินชมสถานที่อันโอ่โถง และเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่ง

ที่มีรสนิยมซึ่งเธอให้ความสนใจอยู่มากพอสมควรเลยทีเดียว
เชี่ยวชาญเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง แล้วเปิดเข้าไปพร้อมกับผายมือให้กับปาริฉัตร กล่าวยิ้มๆ
"เชิญคุณเอครับ"
ปาริฉัตรกล่าวขอบคุณเสียงเบา ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในห้องก่อน ซึ่งเชี่ยวชาญก็เดินตามไปติดๆ พร้อมกับปิดประตูลง
ในห้องโชว์นั้นเป็นห้องขนาดกลาง ที่ออกแบบเป็นรูปแปดเหลี่ยม ผนังไม้สักแต่ด้านนั้นแขวนรูปของจิตกรชื่อเสียงโด่งดังจากทั่วทุกมุมโลก ความจริงน่าจะเป็นห้องที่โชว์ความอลังการและรสนิยมของผู้

สะสม แต่ปาริฉัตรรู้สึกขัดๆ กับการนำเอารูปปั้นลักษณะต่างๆ ทั้งเป็นแบบจีน และยุโรปมาวางผสมผสานเอาไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งในความรู้สึกของหญิงสาวนั้นออกจะเป็นส่วนเกิน ทำให้จุดเด่นของห้องนั้น

ด้อยค่าลงไปถนัด ซึ่งหญิงสาวก็เอ่ยไปตามความคิดนั้น โดยที่เชี่ยวชาญก้มศีรษะรับ พร้อมทั้งชมว่าเป็นความคิดที่ดี เขาจะนำไปบอกกับ "ท่าน" ให้ปรับแต่งห้องตามความเห็นของปาริฉัตร
เชี่ยวชาญเดินพาไปชี้ให้ปาริฉัตรดูรูปภาพต่างๆ และกล่าวออกจะติดอวดว่ารูปนี้ได้มาอย่างไร ซื้อมาแพงขนาดไหน ซึ่งปาริฉัตรก็ผงกศีรษะรับฟังเรื่อยๆ นานๆ ครั้งจะให้ความเห็นเกี่ยวกับเชิงศิลปะในรูป

ภาพสักที ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่มีความรู้อะไรจะเสริมนัก นอกจากจะกล่าวหยอดด้วยความหวานชมว่าหญิงสาวนั้นเก่งมีความรู้หลายด้านดี ทั้งสีหน้าที่โลมเลียและวาจาที่หวานหูแทนที่จะทำให้ปาริฉัตรรู้สึกพอใจ

แต่หญิงสาวกับรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
เธอบอกกับตัวเอง ในสองพี่น้องชัยชนะ กับเชี่ยวชาญ ถึงแม้จะติดความเป็นคนขี้โอ่ไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ดูเหมือนเชี่ยวชาญยังเป็นรองพี่ชายในการวางตัวอยู่พอสมควร
ในขณะที่เชี่ยวชาญชายหนุ่มผู้ซึ่งด้วยศักดิ์ฐานะนั้นผ่านผู้หญิงมามากต่อมาก แต่เขาบอกกับตัวเองว่าไม่เคยมีใครนั้นทำให้เขาบังเกิดความต้องการอยากครอบ ครองขึ้นมามากเท่ากับหญิงสาวเบื้องข้างนี้เลย
ตั้งแต่แว่บแรกที่เขาเห็นเธอในโรงแรมเมื่อคืนวาน ขณะที่ร่วมทางไปกับบิดาและพี่ชายในงานเลี้ยงรับรองที่จัดขึ้นในโรงแรมนั้น เงาภาพของปาริฉัตรก็ประทับอยู่ในความคิดของเขาไม่จางหายไปไหน
ความปรารถนาที่ไม่เคยไม่ได้รับการตอบสนอง มิหนำซ้ำบ่อยครั้งผู้หญิงมากหน้าหลายตายอมทอดกายให้กับเขาแต่โดยดี เพราะฐานะของชายหนุ่มนั้นยิ่งใหญ่เป็นลูกคนโปรดของบิดาเหนือกว่าพี่ชายด้วย ซ้ำ

เชี่ยวชาญรู้ดีว่าต้องใช้จุดเด่นของตนเองในแง่ไหน
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เขาหมายตาแล้วไม่ได้ครอบครองมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นดารา นางแบบ หรือนักศึกษาที่เขาผ่านพบและชอบใจ
และหญิงสาวเบื้องข้างนี้ก็จะไม่มีข้อยกเว้น
เชี่ยวชาญยิ้มกริ่ม ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ตัวของปาริฉัตรอีกนิด กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
"มีใครบอกคุณเอหรือเปล่าครับ ว่าคุณเอน่ะสวยมาก..."
ปาริฉัตรขยับกายถอยห่างไป วงหน้าสวยงามราวกับกุหลาบแรกแย้มนั้นเรียบเฉย พยายามกลบความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
"เอ่อ..ดิฉันคิดว่าเราควรกลับออกไปที่ห้องโถงดีกว่ากระมังคะ"
หญิงสาวพูดเลี่ยงตัดบท พลางขยับตัวจะก้าวออกไป แต่เชี่ยวชาญเดินเข้ามาขวางไว้ก่อน ดวงตานั้นโลมเลียไปทั่วเรือนร่างงามตรงหน้า
"จะรีบไปไหนล่ะครับ คุณเอคนสวย ผมยังมีเรื่องอยากคุยกับคุณอีกเยอะเลย"
เชี่ยวชาญพูดพลางเดินรุกเข้ามา ปาริฉัตรใจหาย ใบหน้าซีดขาว หญิงสาวเดินถอยไปเรื่อยๆ จนหลังไปปะทะกับผนังด้านหนึ่ง
"คุณเชี่ยวชาญคะ...ดิฉันอยากออกไปข้างนอก"
ปาริฉัตรพยายามระงับความรู้สึก กล่าวขอร้องเขาแต่โดยดี ชายหนุ่มหัวเราะ ใช้สองมือของเขายันผนัง ตรงบริเวณซ้ายขวาของตัวหญิงสาวขังเธอเอาไว้
"อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย คนสวย...คุณก็ควรจะรู้ว่าผมจะตอบแทนอะไรให้กับคุณได้มากขนาดไหน"
เชี่ยวชาญกล่าวเสียงยโส พร้อมกับก้มหน้าลงไปหมายจะประทับจูบไปตางริมฝีปากบางงามราวกับกลีบกุหลาบนั้น
ปาริฉัตรเบือนหน้า พร้อมกับย่อตัวลงหมายจะวิ่งหนีออกไป แต่ร่างแบบบางของเธอถูกเชี่ยวชาญตวัดรัดเอาไว้เต็มๆ พร้อมกับซุกไซร้ใบหน้าลงไปตามซอกคอขาวผ่องอย่างหื่นกระหาย
"หยุดค่ะ..ดิฉัน..บอกว่าให้หยุด...ไม่งั้นดิฉันจะร้อง..."
ปาริฉัตรดิ้นรนสุดชีวิต พยายามบ่ายเบี่ยงศีรษะหลบการความจูบจากเชี่ยวชาญ พร้อมกับกล่าวขู่เขา ซึ่งเชี่ยวชาญที่รู้สึกระเริงไปกับความหอมหวานของกลิ่นกายสาว หัวเราะเสียงดัง
"ตะโกนไปเถอะครับ ไม่มีใครได้ยินเสียงคุณแน่นอน"
ชายหนุ่มกล่าวอย่างย่ามใจ ความอุ่นละเอียด เนียนนุ่มแห่งผิวกายที่เขาได้กอดสัมผัสนั้น มันเร้าให้อารมณ์กระสันของเขาพลุ่งพล่านอย่างสุดระงับ
ปาริฉัตรพยายามดิ้นรนหยิกข่วน แต่เรี่ยวแรงของเธอสู้ความกลัดมันของเชี่ยวชาญไม่ได้เลย ถูกชายหนุ่มใช้มือบีบบังคับรั้งใบหน้าจนบดขยี้จูบไปตรงริมฝีปากของเธอจนได้ ปาริฉัตรสยิวกายสั่นสะท้าน

อย่างรังเกียจเดียดฉันท์
แต่ยังไม่ทันที่เชี่ยวชาญจะได้ดื่มด่ำความหอมหวานจากริมฝีปากนั้นเท่าไหร่ พลันเข่าของหญิงสาวก็ตั้งขึ้นกระแทกไปที่ท้องน้อยของเชี่ยวชาญค่อนข้างแรง ซึ่งชายหนุ่มไม่ทันระวังตัว และเขาไม่คิดว่าหญิง

สาวที่ท่าทางอ่อนๆ ไม่มีพิษสงอย่างปาริฉัตรจะทำเช่นนี้กับเขา ต้องร้องลั่นคลายมือที่กอดรัดเรือนร่างงามนั้นลงมากุมตรงหว่างขาอย่างเจ็บ ปวด
"โอ๊ย...."
เชี่ยวชาญครางออกมาเสียงดัง ขณะที่ปาริฉัตรได้ที รีบวิ่งตรงออกไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวเปิดประตูออก ร่างแบบบางที่พรวดพราดออกไปก็แทบคะมำเข้าไปหาอ้อมแขนของคนที่กำลังเดินสวนเข้าไป
"ท่าน" พยุงร่างงดงามของปาริฉัตรเอาไว้ กล่าวอย่างร้อนรน
"คุณปาริฉัตรเป็นอะไรไปครับ"
ปาริฉัตรใบหน้าซีดขาว พยายามระงับสติอารมณ์ที่แตกตื่น หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ หลายครั้งๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้พ้นจากการเกาะกุมนั้นอย่างสุภาพ
"เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ..เพียงแต่ดิฉันรู้สึกวิงเวียน อยากออกมาสูดลมหายใจข้างนอก"
ในตอนนี้หญิงสาวไม่ต้องการรื้อฟื้น หรือมีเรื่องอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงแต่ต้องการไปให้พ้นจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น
"ท่าน" ที่ตอนนั้นเดินนำเริงชัยและชัยชนะเข้ามา กวาดตาแว่บไปยังเชี่ยวชาญบุตรชายคนรองที่เดินตัวงอๆ ตามมา ตอนนั้นใบหน้าของชายหนุ่มบูดบึ้งขุ่นเคือง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชัยชนะแอบขยิบตาให้น้องชาย พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก ซึ่งเชี่ยวชาญแลเห็นร่องรอยความเยาะเย้ยจากแววตาของพี่ชายชัดเจน ยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเครียดขึ้งไปอีกหลายเท่า
"ท่าน" ตอนนั้นกล่าวว่า
"ดูคุณปาริฉัตรหน้าซีดเชียว หาน้ำส้มเย็นๆ ดื่มสักนิด คงจะดีขึ้นนะครับ"
ปาริฉัตรส่ายศีรษะ พยามกล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอจงใจขัดเขา
"ไม่..ไม่..เป็นไรค่ะ ดิฉัน.เอ่อ..ดิฉันรู้สึกอยากกลับไปพักผ่อน..ดีกว่าค่ะ"
"ท่าน" หัวเราะเสียงเบา
"ถ้าเป็นความปรารถนาของคุณปาริฉัตรผมก็ไม่ขัด แต่ยังไงดื่มน้ำส้มให้หายวิงเวียนเสียก่อน เดี๋ยวผมจะสั่งให้คนไปเอารถของคุณเริงชัยมารับ"
กล่าวจบ "ท่าน" ก็ผงกศีรษะให้กับชัยชนะบุตรชายคนโต ซึ่งเดินผละออกไป
ปาริฉัตรที่ไม่กล้าจะกล่าวอะไรให้เป็นเรื่องกระทบกระทั่งมากไปกว่านั้น ก็ได้แต่รับแก้วน้ำส้มนั้นที่ชัยชนะนำกลับยื่นให้ พร้อมกับกล่าวขอบคุณแผ่วเบา
"ดื่มให้หมดสิครับ อย่าให้ผมได้ชื่อว่าเป็นเจ้าภาพที่ไม่ได้เรื่องเลยนะครับ คุณปาริฉัตร"
"ท่าน" พูดเสียงเคล้าหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ ปาริฉัตรฝืนยิ้มออกมา และพยายามดื่มน้ำส้มแก้วนั้นไปจนหมด
ในเวลานั้นเชี่ยวชาญที่ยืนด้านหลังปาริฉัตร จับจ้องหญิงสาวที่คืนแก้วเปล่าให้กับชัยชนะด้วยแววตาวาวโรจน์!!!
พนมที่ย้อนกลับขึ้นไปนั่งข้างเตียง ดูอาการของปรีณาอีกครั้ง ในมือของชายหนุ่มกระดกเทปม้วนเล็กๆ ในมืออย่างชั่งใจ
ใบหน้าอัหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
หรือภาพในเทปนี้มันจะมีเงื่อนงำอะไรซุกซ่อนอยู่?
ถ้าจะมีเงื่อนงำอะไรอยู่จริง คนที่จะตอบคำถามเขาได้ ก็คงจะมีเพียงนายสอนเท่านั้น
ความคิดที่ผุดวาบขึ้นมา ทำให้พนมตัดสินใจทันที
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ ของปรีณาอีกครั้ง ก่อนที่จะผุดลุกขึ้น เดินไปคว้ากุญแจรถ เดินออกไปจากห้องนอน
ปาริฉัตรยืนขยับกายอย่างอึดอัด เพราะไม่เห็นมีวี่แววว่าเริงชัยจะพาเธอเดินออกไปจากบริเวณนั้น ซึ่ง "ท่าน" ที่แลเห็นอากัปกิริยาของหญิงสาวก็สัพยอก
"ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณปาริฉัตร รถคงจะแน่นมากกว่าจะไปถอยเอารถของคุณเริงชัยมาได้คงเสียเวลาสักพัก ถ้าเรียบร้อยเด็กคงวิ่งมาตาม"
หญิงสาวรู้ตัวว่าแสดงความรู้สึกออกมาอย่างโจ่งแจ้งเกินไป ด้วยความเป็นคนหัวอ่อน เกรงใจคน ไม่อยากจะทำอะไรให้เป็นการระคายใจอีกฝ่าย ทำให้ปาริฉัตรรีบย่อตัวพนมมือไหว้ พลางฝืนยิ้มกล่าวว่า
"ต้องขอประทานโทษท่านมากค่ะ ถ้าดิฉันจะแสดงอาการที่ไม่สุภาพออกไป"
"ท่าน" ส่ายศีรษะ กล่าวเสียงลึกซึ้ง
"ไม่ต้องห่วงครับ คุณปาริฉัตร ผมต่างหากล่ะ ที่จะต้องขอโทษ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ"
"โอ..ไม่..ไม่หรอกค่ะ..ดิฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่านั้นจริงๆ..ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไรแม้แต่น้อย"
ปาริฉัตรรีบพูดกลบเกลื่อน ส่วน "ท่าน" เพียงแค่หัวเราะรับคำเท่านั้น
เวลาผ่านพ้นไป ปาริฉัตรรู้สึกความง่วงซึมลุกลามขึ้นมจนต้องยกมือกุมขมับอย่างวิงเวียน รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจนร่างแบบบางนั้นรู้สึกเข่าอ่อนเปลี้ย เซถอยไปสองก้าวตกเข้าไปในอ้อมแขนของเชี่ยวชาญคอย

ทีอยู่แล้ว ชายหนุ่มกอดเธอเอาไว้แน่น สูดลมหายใจเอาความหอมจากกลิ่นกายสาวเข้าปอดอย่างชื่นใจ ยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างเร้นลับ
นี่เธอเป็นอะไร? ปาริฉัตรเฝ้าถามตัวเอง
แต่ทว่าสติที่เริ่มเลอะเลือนไม่ได้อำนวยให้เธอสามารถใช้ความคิดอ่านอะไรได้ มากนัก แม้กระทั่งเชี่ยวชาญที่กอดเธออยู่นั้นใช้มือของเขาลูบคลำไปตามหน้าท้องผ่าน เสื้อราตรีเนื้อเนียน มิเพียงแต่เธอจะไม่มี

ความคิดจะดิ้นรน ความเสียวซ่านที่ปะทุขึ้นมาอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกสะท้านจนต้องครางออกมา วงหน้างดงามนั้นแดงก่ำไปจรดใบหู
"ท่าน" หัวเราะออกมา ยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของปาริฉัตร
"ดูเหมือนคุณปาริฉัตรจะเหนื่อยมาก ให้นายชัยกับนายชาญพาไปพักหน่อยแล้วกันนะครับ"
สุ้มเสียงนั้นราวกับมนต์สะกด ปาริฉัตรที่แทบจะหมดความรับรู้ไปแล้วว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหน และพูดคุยอยู่กับใคร ปล่อยให้ชายหนุ่มสองพี่น้องพาประคองเดินออกไปตามทางเดินแคบๆ นั้น
"ท่าน" มองตามบุตรชายทั้งสองพาหญิงสาวแสนสวยเดินหายลับไปตามทางเดินก่อนจะหันไปยัง เริงชัย ซึ่งตอนนั้นกำลังรู้สึกยอกแสยงใจจนต้องกำหมัดแน่น
"ปล่อยให้เด็กๆ เขาช่วยเหลือกันไปตามลำพังดีไหมครับ คุณเริงชัย ผมว่าเราออกไปข้างนอกกันเถอะ เพื่อนๆ คนรู้จัก คงเรียกหากันแล้ว"
นัยน์ตามีอำนาจนั้นจับจ้องมายังหนุ่มใหญ่ ซึ่งมีใบหน้าซีดขาว ร่างกำยำนั้นสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกสับสนใจ ขยับจะพูดอะไรหลายต่อหลายครั้ง แต่แล้วในที่สุดก็ถอนหายใจยาว เดินไหล่คุ้มตามหลัง "ท่าน"

ออกไปด้านนอก มีสภาพไม่ต่างอะไรกับไก่ชนที่สู้แพ้ แตกต่างกับบุคลิกมั่นอกมั่นใจที่เคยมีอย่างเต็มเปี่ยมลิบลับ
นายสอน กับนายแจ้ง สองบิดาบุตรมองตากันล่อกแล่ก ขณะที่นั่งประจันหน้าพนมที่บุกเข้ามาหาถึงบ้านด้วยเพลิงโทสะ
เทปลับที่พวกเขาคิดใช้เป็เครื่องมือข่มขู่คุกคามเด็กสาวแสนสวยให้ตกเป็นเหยื่อสวาทนั้นกลับกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับทิ่มแทงเข้าหาตัว
พนมกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หันไปยังดาวเด็กสาวร่านโลกีย์ที่อยู่ในห้องเดียวกันนั้นด้วย
"พวกเธอสวมรู้ร่วมคิดกัน คงจะมีความรู้ทางกฏหมายอยู่บ้างล่ะนะ ว่าโทษของการพรากผู้เยาว์น่ะเป็นยังงัย"
ดาวค้อนเขม้นมองไปยังนายสอนด้วยแววตาที่ดุร้าย เมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้มีหรือที่เธอจะยอมติดร่างแหไปกับสองพ่อลูกนี้ด้วย รีบฉีกยิ้มกล่าวกับพนม
"พี่พนมคะ ดาวไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะ สองคนพ่อลูกนี่เขาคบคิดกันเอง"
นายสอนตาค้าง กล่าวเอะอะ
"อ้าวทำไมพูดอย่างนั้นล่ะน้องดาว ถ้าไม่ใช่น้องดาวไปหลอกหนูบี เธอจะยอมมาถึงบ้านนี้เรอะ"
เด็กสาวร่านสวาท จนปากคำ ได้แต่อ้ำอึ้ง พนมตอนนั้นกล่าวเสียงเครียด
"เล่ามาให้ฉันฟังทั้งหมดว่าเรื่องราวเป็นยังไง"
ดาวบีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร
"พี่พนมขา ดาวไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ นะคะ ถ้าจะผิดก็แค่ชวนบีเขามาที่บ้านนี้เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องมอมยาปลุกเซ็กส์ กับเรื่องลวนลามบีน่ะ ดาวไม่รู้เรื่อง พี่สอนกับลุงแจ้งแกเป็นคนคิด"
นายสอนกับตาแจ้งหน้าซีด รีบว่า
"พวกผมก็ไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินไปกว่าจับต้องหนูบีทางผิวกายเท่านั้นนะครับ คุณพนม ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ...."
สองพ่อลูกขอร้องความเห็นใจจากพนมเสียงละล่ำละลัก
พนมได้รับฟังคำสารภาพของนายสอนกับตาแจ้งด้วยความรู้สึกยอกแสยงใจ
นี่เขาทำอะไรลงไปกับน้องภรรยาผู้ซึ่งน่าสงสารไร้ความผิดเลยแม้แต่น้อย?
ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะนั่งฟังคำแก้ตัว และขอร้องเป็นพัลวัลของคนทั้งสามอีก ผุดลุกผลุนผลันออกไปจากบ้านหลังนั้นทันที
เขาขับรถบึ่งมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความเร็วสูง น้ำตาของลูกผู้ชายไหลซึมออกมาเป็นทาง
"บี...บีจ๋า พี่หนึ่งผิดไปแล้ว"
เขาคำนึงอย่างปวดร้าว
อา แต่ความสำนึกผิดของเขามันจะสามารถไปมีประโยชน์อะไร ในเมื่อตราบาปที่เขาได้กระทำต่อชีวิตของน้องภรรยานั้นมันไม่มีทางชำระล้าง ให้หายคืนดีกลับมาได้อีกต่อไป
ปรีณาฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง พอเธอคิดจะขยับตัว ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นแผ่ลามไปทั่วทุกส่วนสัดบนเรือนกายของเธอ จนเด็กสาวต้องเสียงครางออกมา
เมื่อเด็กสาวหวนนึก และรับรู้ว่าเหตุการณ์อะไรได้บังเกิดขึ้นแก่ตัวเธอแล้ว ดวงตากลมโตของปรีณาก็หลั่งไหลน้ำตาใสๆ ออกมาเป็นทาง เด็กสาวนึกถึงทีท่า สีหน้าและคำพูดที่พี่เขยนั้นมีให้แก่เธอนั้นสร้าง

ความเสียใจน้อยใจเจ็บปวดใจให้เกิดขึ้นอย่างเหลือประมาณ
"บีทำอะไรผิด..พี่หนึ่งถึงทำร้ายบีขนาดนี้"
ปรีณาคร่ำครวญคำนึงในใจอย่างเจ็บปวดชอกช้ำ เธอนอนร่ำไห้ออกมาจนตัวสั่นสะท้าน ในชีวิตของเธอที่ผ่านมา ซึ่งเต็มไปด้วยความรัก เอาใจใส่ และตามใจของคนรอบข้างอันเป็นที่รัก ไหนเลยเด็กสาวจะ

เตรียมใจรับสภาพที่บังเกิดขึ้นแก่เธอในลักษณะนี้ได้?
เด็กสาวฟุบร้องไห้อยู่ในลักษณะนั้นอีกเนิ่นนาน จนกระทั่งในที่สุดก็พยายามกล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดขัดยอกที่เกิดขึ้น ยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปที่นาฬิการิมผนังห้องบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว
ปรีณากัดฟันขบริมปีปากแน่น เมื่อเธอพยายามผุดลุกขึ้นเดิน แต่ละก้าวนั้นมันสร้างความเจ็บแปลบไปที่ท้องน้อยของเธอจนจับจิต แต่ทว่าเด็กสาวต้องการออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น

เองท่ามกลางน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ปรีณาก็ค่อยๆ คลำผนัง เกาะราวบันได พาร่างเล็กบางของเธอเดินลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ นัยน์ตากลมโตของเธอกวาดมองไปรอบๆ ราว

กับลูกกวางระแวงไพร
บริเวณบ้านตอนนั้นมืดสนิท ไม่มีวี่แววว่าพี่เขยของเธอจะอยู่ด้วย ทำให้ปรีณาค่อยคลายความหวาดผวาลง
เด็กสาวรีบเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกแล้วผลุน ผลันออกไปจากบ้านทันทีโดยไม่คำนึงว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดึกดื่นอย่างมาก แล้ว
บรรยากาศภายนอกที่มืดสนิท ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่ค่อนข้างเจริญแล้ว แต่ในเวลาดึกขนาดนี้ ความวังเวง เปล่าเปลี่ยว มองไปไม่เจอผู้คน ทำให้ปรีณาอดรู้สึกหวาดผวาในใจไม่ได้
แต่ในยามนี้เด็กสาวหวาดกลัวในทีท่าของพี่เขยมากกว่าหลายเท่านัก ทำให้เท้าเล็กๆ นั้นพาตัวเธอเดินห่างไปจากบ้านของพนมท่ามกลางความเจ็บปวดไปทั่วเรือนร่างไม่ สร่างซาลงแม้แต่น้อย
ถนนในหมู่บ้านยามดึกดื่นเช่นนี้ แทบไม่มีรถผ่านไปผ่านมา จนกระทั่งปรีณาเดินมาถึงมุมหนึ่งซึ่งเด็กสาวแลเห็นกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มคุย กันอยู่สี่ห้าคน สร้างความหวาดกลัวตื่นตระหนกให้แก่เธอจนรีบหัน

หลังกลับ กลั้นใจข่มความเจ็บเดินแกมวิ่งไปอีกทางหนึ่งทันที
เสียงเอะอะดังแว่วมาจากเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้น เด็กสาวร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว เมื่อโสตประสาทได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มนั้นวิ่งตามมา
"คุณพ่อ..คุณแม่..ขา..พี่เอ..ช่วยบีด้วย"
ปรีณาคร่ำครวญในใจ ร่างเล็กบางที่บอบช้ำอ่อนเปลี้ยอยู่แต่เดิม เดินแกมวิ่งกระปลกกระเปลี้ยเต็มทีก็สะดุดหกล้มลงกับพื้น
เสียงหัวเราะดังใกล้เข้ามาทุกขณะ พร้อมกับเสียงตะโกนของวัยรุ่นกลุ่มนั้น
"จะรีบไปไหนน้องสาว หลงทางหรือเปล่า ให้พวกพี่ช่วยพาไปบ้านไม๊"
ปรีณาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหวาดกลัวสุดขีด ร่างเล็กบางที่พยายามดิ้นรนผุดลุกขึ้นนั้น วิ่งพลางสะดุดพลางในที่สุดก็ยอมแพ้ ทิ้งตัวขดเป็นก้อนกลมราวกับลูกนกน้อย วัยรุ่นกลุ่มนั้นที่วิ่งตามมาทัน

ปราดเข้ารายล้อมเด็กสาวเอาไว้
แม้เป็นยามมืดมิด แต่แสงไฟที่ข้างทางส่องมายังสาดให้ เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นมองเห็นได้ชัดเจนเพียงพอว่าเด็กสาวที่นอนขดอยู่นั้นสวย งามน่ารักปานใด
เสียงผิวปากหวีดหวิว เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ปรีณาดังเซ็งแซ่ มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาหาปรีณาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างย่ามใจ
ทันที่ปลายนิ้วของมือข้างนั้นยื่นเข้ามากระทบที่ต้นแขนบอบบางของเด็กสาว ปรีณาซึ่งหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ร่างเล็กบางของเธอก็อ่อนพับ สิ้นสติสัมปะชัญญะไปด้วยความช๊อคทันที!!!
ความทรงจำของปาริฉัตรที่มีต่อค่ำคืนนี้ มันราวกับภาพยนต์ที่ไม่ปะติดปะต่อ สติสัมปะชัญญะของเธอนั้นดูเหมือนจะลางเรือนจนเกินกว่าที่จะคิดอ่านหรือใช้ ประกอบการตัดสินใจใดๆ ได้ ตรงกันข้ามความ

รู้สึกเสียวซ่านรัญจวนใจที่ปะทุขึ้นมาราวกับน้ำบ่าทำนบทลายนั้นกลับรุนแรง และเร่าร้อน พลุ่งพล่านขึ้นมาเต้นเร่าผสานอยู่แทบทุกอณูแห่งความรู้สึกตลอดค่ำคืนนั้น
หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองถูกพาไปที่ไหน รู้แต่ว่าเมื่อหลังของเธอเอนราบไปกับที่นอนหนานุ่ม ร่างหนักของใครบางคนก็ทาทาบตามมา พร้อมกับการเฟ้นฟอนลูบไล้ไปตามเรือนกายของเธอ
ปาริฉัตรอยากจะขัดขืน แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะกระทำได้ดั่งใจ หญิงสาวน้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกหวาดผวา
สายตาที่พร่าเลือนเธอจำได้ว่าเป็นชัยชนะที่กำลังทาบอยู่บนตัวเธอพร้อมกับ ระดมจูบมาตามใบหน้าของเธอ ปาริฉัตรจะเบนศีรษะหลบ แต่เขาใช้มือประคองหน้าเธอเอาไว้มั่น
ปาริฉัตรเหมือนจะได้ยินเสียงของตัวเองครางออกห้าม แต่ริมฝีปากของชัยชนะก็ทาทาบลงมาปิดเสียงของเธอไปสนิท ลิ้นของเขาแทรกเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
ความเสียวซ่านรัญจวนที่แผ่ลุกลามขึ้นมาจากท้องน้อยนั้นก่อตัวรุนแรงขึ้น ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกที่ปาริฉัตรรู้ดีว่าถ้าเธอยอมพ่ายแพ้แก่มัน แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวของเธอ ทำให้หญิงสาวพยายาม

เตือนสติข่มกลั้นความรู้สึกนั้นจนสุดความสามารถ
แต่ทว่าไม่ว่าปาริฉัตรพยายามจะเตือนตนเองเท่าไร ความรู้สึกรุนแรงนั้นมันมีพลังมากมายจนความพยายามของหญิงสาวนั้นสูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
และในที่สุดเมื่อความเสียวซ่านเป็นผู้ชนะต่อมโนสติที่ย้ำเตือน สองแขนบอบบางของหญิงสาวก็เอื้อมตวัดไปรั้งที่ท้ายทอยของเขา อ้าปากครวญคราง เผยอรับการจูบอย่างดูดดื่มนั้นด้วยความรู้สึกรัญจวนใจ

จนเนื้อตัวเกร็ง
ปาริฉัตรรู้สึกล่องลอยไปเหมือนกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ความรู้สึกร้อนรุ่มที่รุมเร้าขึ้นมาดูเหมือนจะได้รับการบำบัดให้คลายลง
จากนั้นเธอก็รับรู้ว่าตอนนั้นทั่วเรือนร่างมีเพียงชุดชั้นในบางเบาปกปิดอยู่ ตรงของสงวนบนล่างสองชิ้น เรือนกายที่กึ่งเปลือยตกอยู่ภายใต้การเฟ้นฟอนลูบไล้ของมือที่คลึงไปตามผิว กายเนียนนุ่มของเธออย่าง

เร่าร้อน
ปาริฉัตรพยายามเบนศีรษะให้พ้นจากการฟอนจูบของชัยชนะ หันไปยังปลายเท้าก็พบว่าเชี่ยวชาญกำลังนอนเอนๆ อยู่ตรงปลายเตียงหันหน้ามายังเธอ
เขามองย้อมกลับมายิ้มให้กับเธอพลางแยกเรียวขาของเธอให้ถ่างออก ปาริฉัตรครางออกมาเสียวซ่าน นิ้วของเขาลากไล้ไปตามร่องหลืบของเธอผ่านเนื้อผ้าลูกไม้บางลื่น
"อา...อา....."
หญิงสาวได้ยินเสียงตนเองครางออกมา ความเสียวกระสันที่พลุ่งพล่านทำให้ตัวของเธอบิดเกร็งอยู่ภายใต้การเล้าโลมของสองชาย
ชัยชนะบดขยี้จูบลงมาอีก ปาริฉัตรเผยอปากขึ้นรับ หลับตาพริ้ม หอบหายใจรวยริน ความเสียวซ่านรัญจวนที่เชี่ยวชาญรุกเร้าขึ้นทำให้เธอแอ่นสะโพกผายเข้าสู้ นิ้วเขาอย่างเร่าร้อน
เธอได้ยิน เสียงหังเราะของสองพี่น้องดังแว่วมาราวกับจากที่ไกลเหลือเกิน
"ยอดจริงพี่ชัย...ขาว...นุ่ม...หอม..."
เสียงของเชี่ยวชาญแว่วมา ปาริฉัตรครางสะท้านเมื่อรู้สึกว่าลิ้นของเขาลากไล้เข้ามาสัมผัสกับติ่งเสียวของเธอเต็มๆ
ปาริฉัตรครวญครางอย่างเสียวสะท้าน พลันรับรู้ถึงสภาพเปลือยเปล่าของตนเอง หญิงสาวลืมตาขึ้นมาพบกับใบหน้าของชัยชนะที่ลอยอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มกำลังเล้าโลมดูดดื่มบนปลายถันทั้งสองข้างของเธอ

อย่างอเร็ดอร่อย
ภายใต้การเล้าโลมอย่างเจนจัด ร่างแบบบางขาวผ่องผุดผาดไปทั่วทุกส่วนสัดนั้นก็สั่นกระตุกวาบๆ ความเสียวซ่านรัญจวนใจพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างเร่าร้อน สองแขนนั้นตวัดไปขยำที่ท้ายทอยของชายที่กำลัง

ดูดดื่มอยู่บนทรวงอก เรียวขางงามของเธอก็บีบรัดไปยังใบหน้าของชายอีกคนที่กำลังลากลิ้นไล้อยู่ใน ร่องกลีบของเธอ เหงื่อผุดพรายออกมาจากทั่วทุกขุมขน เมื่อหญิงสาวเต้นเร่าด้วยความเสียวซ่านรัญจวน

ใจถึงขีดสุด
"อา...อา...อาาาาาาา....อ๊าาาาาาาา"
ปาริฉัตรได้ยินเสียงของเธอครวญครางดังแว่วมาแต่ไกล ผสานกับเสียงหัวเราะของสองชาย
เมื่อความเสียวซ่านนั้นมอดโทรมลง ทุกอย่างดูเหมือนจะดำมืดไปชั่วขณะในความรับรู้ของปาริฉัตร
จนกระทั่งความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นตรงหว่างขา ทำให้หญิงสาวครางออกมา พยายามดิ้นรนหนีออกไป แต่ถูกยึดเอาไว้แน่น
ภาพที่พร่ามัวนั้น ปาริฉัตรแลเห็นชัยชนะกำลังขึ้นคร่อมเธออยู่ ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นบิดเบี้ยวด้วยความหฤหรรษ์ ขณะที่กระเด้าสอดท่อนเนื้อที่ยาวอวบเข้าๆ ออกๆ ผ่านร่องสงวนของเธออย่างเมามัน
ปาริฉัตรรู้สึกร้าวระบมตรงบริเวณนั้นไม่หาย ครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวด พยายามผลักร่างของชัยชนะออกไป แต่ไร้เรี่ยวแรงจะทำได้ดั่งใจนึก
"เจ็บ...อย่าค่ะ..."
เสียงของเธอแผ่วเบาราวกระซิบ ขณะที่เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทั้งสองระเริงตอบมา
ขณะนั้นเชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ข้างๆ ใช้มือของเขาขยำละเลงไปตรงเต้านมทั้งสองของเธอ ลิ้นของเขาลากไล้ไปตรงปลายถันที่ปลิเปล่งชูชันอย่างเล้าโลม
ชัยชนะรั้งเรียวขาของเธอให้แยกออกมาขึ้นโดยรั้งไปตรงที่ข้อพับด้านหลังหัวเข่า พลางกระเด้าเย็ดต่อเนื่องหักโหม
ปาริฉัตรรู้สึกความเสียวซ่านระลอกใหม่ที่ปะทุขึ้นนั้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางห้ามค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางด้วยความรัญจวนใจ
ในที่สุดเมื่อความเจ็บปวดนั้นค่อยๆ ถูกกลบไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่านที่ปะทุเร่าร้อนราวกับน้ำเดือดพล่านขึ้นมา แทนที่ มือของเธอทางหนึ่งก็ลูบไปที่ท้ายทอยของเชี่ยวชาญแอ่นอกตูมตั้งขึ้นรับการโลม เลียนั้น

อีกทางหนึ่งสองเรียวขาตวัดรัดไปที่กลางหลังของชัยชนะ ส่ายสะโพกผายเสนอสนองตอบการทะลวงเย็ดของชายหนุ่มอย่างหมดปัญญาจะข่มกลั้น ส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างสุดเสียวกระสัน
เสียงร้องของชัยชนะดังเร่งขึ้นๆ จังหวะการทะลุทะลวงของชายหนุ่มนั้นก็ร้อนแรงไปตามส่วน ปลุกเร้าจนร่างแบบบางของปาริฉัตรบิดเกร็ง กระตุกซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน แอ่นสะโพกผายขึ้นสุดๆ
"อาาา...อาาาาา....อ๊าาาาาา"
เสียงร้องครางของเธอดังขึ้นอย่างเร่าร้อน ถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง เป็นครั้งที่สอง ในจำนวนกี่ครั้งที่จะตามถัดมา ซึ่งปาริฉัตรก็จำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นอีกมากมายเท่าไร
ภาพที่เกิดขึ้นในห้วงความรู้สึกเหมือนจะขาดห้วงไปพร้อมๆ กับความอ่อนเปลี้ยของเรือนร่าง
ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงแผดร้องของชัยชนะแว่วมาแต่ไกล แต่ความรับรู้ของปาริฉัตรนั้นเลือนรางเต็มที่
จนเมื่อกระทั่งความเสียวซ่านระลอกใหม่ปะทุขึ้น หญิงสาวก็พบว่าตนเองกำลังนอนคลานอยู่บนเตียง ท่อนเนื้ออวบท่อนหนึ่งกำลังทะลวงเข้ามายังร่องหลืบของเธออย่างเร่าร้อนหื่น กระหาย
เธอหันไปเห็นชัยชนะนั่งหอบอยู่ข้างๆ เหลือบมองย้อนกลับไปก็เห็นเป็นเชี่ยวชาญที่กำลังขยำขยี้ไปตรงหนั่นเนื้อ สะโพกผายของเธอ หลับตา ครางเสียงกระเส่า อัดท่อนเนื้อของเขาเข้ามา ร่างกายที่ผอมสูง

เปลือยเปล่าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬไหลออกมาชุ่มโชก
ปาริฉัตรครางออกมาเสียงสะสั่นท้าน เสียวซ่านรัญจวนใจสุดขีด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นมาบังคับให้หญิงสาวได้แต่แอ่นหลัง อัดบั้นท้ายของเธอรับการกระเด้าเย็ดของเชี่ยวชาญแต่ถ่ายเดียว
จากนั้น เตียงนอนด้านหน้ายวบลงด้วยน้ำหนักของใครคนหนึ่ง
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นดูก็พบท่อนเนื้ออวบยาวของชัยชนะลอยอยู่ตรงหน้า
ปาริฉัตรพยายามเบนศีรษะหลบ แต่ถูกจับเอาไว้มั่น เมื่อเชี่ยวชาญแบะสองขาของเธอที่คลานถ่างอยู่ให้ห่างออก อัดสะโพกบดควยของเขาเข้าใส่ร่องหลืบสวรรค์สร้างของปาริฉัตรอย่างหักโหม รุนแรง หญิง

สาวก็ต้องร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวด
ชัยชนะที่คอยทีอยู่แล้วก็สอดท่อนเนื้ออวบรุกผ่านริมฝีปากบางงามราวกับกลีบกุหลาบนั้นเข้าไปในช่องปากของหญิงสาวทันที
โพรงปากอบอุ่นชุ่มชื้นที่เพิ่งถูกสอนให้รู้จักรสคาวของควยอวบเป็นครั้งแรกใน ชีวิต พยายามส่ายออกหนีด้วยความรังเกียจ แต่ชัยชนะกุมไปที่ศีรษะซึ่งบัดนั้นผมดำสนิทที่ถูกเกล้ารวบไว้หลุดลุ่ยออกมา ยาว

สยายเอาไว้มั่น ส่ายสะโพกป้อนท่อนควยของเขาเลยลึกเข้าไปเต็มๆ จนหัวถอกกระแทกไปที่ลำคอของปาริฉัตร
หญิงสาวไอ สำลักออกมา น้ำตาไหล ส่งเสียงครางอู้อี้ ประท้วงการกระทำนั้น แต่ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสองพี่น้องหยุดยั้งการกระทำของตนเองลงเลยแม้แต่น้อย
เสียงหัวเราะของชัยชนะแว่วมา หญิงสาวได้ยินกระท่อนกระแท่น เหมือนกับเขากำลังส่งเสียงบอกน้องชายบางอย่างเกี่ยวกับความไม่เคยใช้ปากทำ อะไรกับอวัยวะเพศของชายใดมาก่อน
จริงสิ? สิ่งที่น่าเกลียด น่าขยะแขยงอย่างนี้ เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะทำให้กับใครแม้แต่สามี
ท่ามกลางสภาพที่เหมือนกับครึ่งหลับครึ่งตื่นของเธอ ปาริฉัตรรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกสั่งสอนให้เรียนรู้อะไรบางอย่าง หญิงสาวไม่แน่ใจว่าคืออะไรกัน
แต่จากนั้นไม่นาน ภาพในโสตประสาทที่ดูเหมือนจะแจ่มชัดขึ้น ปาริฉัตรรับรู้ถึงการที่ตนเองใช้สองมือรั้งไปที่ท่อนขาแข็งแรงของชัยชนะที่ ยืนอยู่เบื้องหน้า ขณะที่ใช้ริมฝีปากของเธอนั้นอมครูดเข้าออกไป

ตามความยาวของท่อนเนื้อที่คาคับปาก พร้อมๆ กับการละเลงลิ้นกวาดไปตามท่อนเนื้อนั้นราวกับว่าเธอกำลังเลียไอสครีมแท่งโปรด
การรับรู้ว่าการกระทำของเธอสร้างความเสียวซ่านให้บังเกิดแก่ชายหนุ่มเบื้อง หน้านั้นจนตัวสั่นส่งเสียงครางออกมา ทำให้อารมณ์อันร้อนแรงที่คุกกรุ่นอยู่ทุกอนูแห่งความรู้สึกของหญิงสาวเร่ง เร้าให้เธอ

ดูดอมโลมเลียไล้ไปตามท่อนเนื้อนั้นอย่างเร่าร้อน
พร้อมๆ กันนั้นความเสียวซ่านรัญจวนที่ถูกปลุกปั่นจากควยอวบที่บดทะลวงเข้ามาในร่อง หลืบของตน ก็ส่งผลให้เรือนร่างแบบบางนั้นสั่นกระตุกวาบๆ
ยิ่งรู้สึกเสียวขึ้น ปาริฉัตรก็ยิ่งครางดังขึ้น มือซ้ายยังจับไปที่ขาของชัยชนะ ขณะที่มือขวาเปลี่ยนไปเร่งถอกท่อนควย หงกศีรษะโม้กให้ถี่ขึ้น
เสียงของชัยชนะก็ดังขึ้นตามไปด้วย ชายหนุ่มบิดเอว ส่ายสะโพกอย่างสุดมัน เชี่ยวชาญที่รับรู้ถึงอาการตอบสนองของบั้นท้ายงอนงามที่ร่อนรับขึ้นมาอย่าง เสียวซ่านก็เร่งเร้าให้เขากระเด้าเย็ด หน้าขาของ

เขากระแทกใส่แก้มก้นขาวนวลเสียง ป๊าป ป๊าป ดังต่อเนื่องติดต่อกันแทรกผสานเสียงครางระงมของสองชายหนึ่งหญิงที่ ดังขึ้น แรงขึ้น เสียวขึ้นทุกขณะจิต
"อา....อา....อาวววว...อูยยยยย...โอยยยยย.....อื้อ......อื้ออออ.."
ท่ามกลางเพลิงดำกฤษณาที่เผาผลาญจิตใจของบุคคคลทั้งสาม บรรยากาศแห่งเกมกามสังวาสที่เร่าร้อนกระตุกอารมณ์อย่างสุดขีด เรือนร่างของคนทั้งสามก็สั่นสะท้าน กระตุกถี่ถี่ ทั้งหมดถึงจุดสุดยอดบรรลุ

ประตูสวรรค์ไปพร้อมๆ กับอย่างเร้าใจ
ปาริฉัตรฟุบไปกับเตียงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย คาวกามน้ำเมือกนั้นไหลซึมออกมาทางมุมปาก หลังจากถูกชัยชนะบังคับให้กลืนกินลงไปเกือบหมด ขณะที่สองพี่น้องที่เหนื่อยไม่แพ้กันก็ทิ้งตัวลงไป

กอดก่ายเรือนร่างขาวผ่องงดงามนั้น สองมือของทั้งสองเฟ้นฟอนไปตามผิวกายนุ่มเนียนไม่หยุด
ภาพหลังจากนั้น ในมโนสติของหญิงสาวดูเหมือนจะรางเลือนไปชั่วขณะใหญ่
ปาริฉัตรแค่รับรู้ว่าร่างของตนถูกพลิกคว่ำ นอนหงาย รองรับการวนเวียนโถมทะลวงเข้ามาจากสองพี่น้องอีกหลายต่อหลายรอบ ซึ่งเธอจำไม่ได้แล้วว่ามันผ่านไปนานขนาดไหน
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านพ้นไปนั้น ความเสียวซ่านรัญจวนใจที่ปะทุขึ้นไม่หยุดหย่อนนั้นรุนแรงพลุ่งพล่านขึ้น มากระตุ้มต่อมอารมณ์ของปาริฉัตรให้บังเกิดความต้องการปลดปล่อยอย่างไม่มีที่ สิ้นสุด
ร่างที่นอนคว่ำคลานอยู่บนเตียงของปาริฉัตรแอ่นสะท้อนสะท้าน ทันทีที่ควยอวบถูกดึงออกไป ความเย็นวาบสายหนึ่งจากอากาศที่เย็นยะเยียบด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นดี ก็รุกร้ำเข้าผ่านร่องหลืบที่กลวงอ้าน้ำ

กามเกรอะกรังเข้ามาทันที ความต้องการร้อนเร่าที่พลุ่งพล่านขึ้นมาไม่หยุด บังคับให้หญิงสาวส่ายบั้นท้ายงอนงามของเธอนั้นไปมาอย่างไม่มีปัญญาระงับ
"ฮะๆ ทีแรก ทำเป็นหยิ่ง ตอนนี้ร่านหาควยแล้วสิ..คนสวย"
เสียงของเชี่ยวชาญดังแว่วมา ปาริฉัตรรู้สึกเสียววาบไปจับจิต แต่ความต้องการที่คุกกรุ่นอย่างที่สุดจะข่มกลั้น ทำให้หญิงสาวครางออกมาอย่างสุดจะทน
แต่แทนที่ควยอวบท่อนใหม่นั้นจะสอดใส่เข้ามาในร่องหลืบที่กำลังโหยหาความปลด ปล่อยอยู่ ปาริฉัตรก็รับรู้ถึงการบดสัมผัสของหัวถอกบานเข้ามายังร่องก้นของเธอ
ปาริฉัตรตัวสั่น ครางออกมาพยายามคลานหนี แต่มือของชัยชนะจับตัวเธอเอาไว้มั่น
เชี่ยวชาญแหวกแก้มก้นของหญิงสาวออก ใช้นิ้วมือแตะลิ้นแล้วลากนิ้วไปตามร่องก้นที่ขาวสะอาดอย่างที่เขาเอยไม่เคย เห็นผู้หญิงคนไหนจะมีร่องก้นสวยขนาดนี้มาก่อน พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อ

บดหัวถอกทะลวงรูก้นที่ตีบเล็กสีชมพูสดนั้นเข้าไปอย่างรุนแรง
ร่างบอบบางของปาริฉัตรแอ่นสุดๆ ด้วยความเจ็บ พร้อมกับร้องออกมาเสียงลั่นห้อง
"อ๊าาาาาา...อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
ร่างแบบบางนั้นดิ้นพราดอย่างเจ็บปวด แต่ชัยชนะที่เป็นร่างกายกำยำ ก็ยังแข็งแรงพอที่จะจับตัวของหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้คลานหนีไปไหนได้
เชี่ยวชาญส่งเสียงครางกระเส่า หลับตา มีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหฤหรรษ์ อัดกระเด้า ปึ๊ก ปึ๊ก ทั้งเจ็บลำควย ทั้งเสียวแสบหัวถอก แต่ความสะใจนั้นกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บเหล่านั้นไปหมด
ชายหนุ่มเวียนกระแทกจนกระทั่งกระเด้ายัดท่อนเนื้ออวบของเขาเข้าไปในร่างของ ปาริฉัตรจนหมดท่ามกลางความเจ็บปวดราดร้าวจนแทบขาดใจของหญิงสาว
จากนั้นเชี่ยวชาญก็ควงสะโพกบดควย ควานท่อนเนื้อของเขาไปตามร่องทวารหนักที่ถูกเบิกบริสุทธิ์ไปเป็นครั้งแรก จนกระทั่งรูก้นนั้นขยายถ่างออกรับกับท่อนเนื้อของเขา
ชัยชนะหัวเราะออกมา ขณะที่ขยับไปยืนตรงหน้าปาริฉัตรอีกครั้ง
ขณะที่มองเห็นน้องชายเริ่มกระเด้าเย็ดอย่างสุดมัน จนร่างแบบบางดงามตรงหน้าสะท้อนสะท้านไปตามแรงเย็ดอย่างเจ็บปวด ชายหนุ่มก็ส่งลำควยอวบเสนอไปยังริมฝีปากบางงามที่อ้าออกครวญคราง
หญิงสาวหลับตาพริ้ม ใบหน้าเหยเกด้วยความปวดร้าว เมื่อเธอรับรู้ถึงท่อนควยที่จ่อเข้ามา ปาริฉัตรก็เอื้อมมือไปถอกท่อนอวบนั้น หงกศีรษะโม้กให้ทันทีโดยอัตโนมัติ ดูดอมจนแก้มตอบ พยายามเบี่ยงเบน

ความรู้สึกทุกวิถีทางให้พ้นไปจากความรู้สึกที่เชี่ยวชาญกระทำกับเธออย่างรุนแรงหื่นกระหายนั้น
ท่ามกลางเสียงคราง อือ อือ อย่างเจ็บปวดของปาริฉัตร ประสานไปด้วยเสียงครางของสองพี่น้องดังกระเส่าผสานกันเพราะความหฤหรรษ์มันสุดขีด
แต่แล้วในที่สุด ความเสียวซ่านรัญจวนใจที่ปะทุขึ้นมาไม่หยุดจากท้องน้อยลามไปจนถึงทรวงอก ก็ทำให้ปาริฉัตรสั่นกระตุกวาบๆ ท่ามกลางความเจ็บปวดจากการถูกกระเด้าเย็ด หญิงสาวก็ถึงจุดสุดยอดไป

อย่างไม่สามารถบังคับตัวเองได้
"อืม...อืม...........อืมมมมมม.........."
ปาริฉัตรหลับตาพริ้ม ส่งเสียงร้องออกมาผ่านลำควยที่คับปาก ร่างแบบบางนั้นแอ่นบิดไหวด้วยความเสียวกระสัน ขณะที่เชี่ยวชาญกับชัยชนะที่มองตาแล้วยักคิ้วให้แก่กัน โถมกระเด้าควยเย็ดร่องก้นและช่อง

ปากของหญิงสาวแสนสวยไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่งชัยชนะทนไม่ไหว ส่งเสียงร้องออกมา กุมไปที่ศีรษะได้รูปสวยแน่นพร้อมกับระเบิดน้ำกามเข้าไปในปากของปาริฉัตรเป็น ครั้งที่สองในค่ำคืนนั้น
แต่เชี่ยวชาญที่กำลังสุขสุดๆ ไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขากระเด้าอัดจนกระทั่งส่งปาริฉัตรขึ้นสวรรค์ไปในท่านั้นอีกรอบ ก่อนที่จะเร่งเร้าลำควยกระเด้าอัดไปพร้อมกับส่งน้ำกามราดรดเข้าไปในร่องก้น ของหญิง

สาวอย่างสุดๆ
ปาริฉัตรนอนคว่ำฟุบไปกับเตียง เหน็ดเหนื่อยจนแทบขาดใจ พร้อมๆ กับร่างของเชี่ยวชาญที่ทาทาบลงมาบนแผ่นหลังขาวผ่องซึ่งมีคลื่นไหมสีดำแผ่ สยายปกคลุมอยู่อย่างละลานใจ
จากนั้นมโนสติที่เริ่มเลือนไปอีกครั้ง ปาริฉัตรไม่รู้ว่าผ่านพ้นเหตุการณ์อะไรไปอีก เท่าที่เธอรับรู้ได้มีเพียงบริเวณร่องหลืบและร่องก้นของเธอนั้นยังคงถูกผลัด เปลี่ยนหมุนเวียนกันโถมทะลวงเข้าใส่ ดูราว

กับความต้องการของคนทั้งสองจะไม่มีหมดสิ้น
ในที่สุดภาพสุดท้ายที่สว่างวาบเข้ามาให้ความทรงจำก็คือยามที่เธอนอนคว่ำทา ทาบไปบนตัวของชัยชนะโดยท่อนเนื้อของเขายัดคาอยู่ที่หว่างขา ขณะที่เธอกำลังรู้เสียวซ่านสุดๆ ปะทุใกล้ถึงจุดสุดยอดเชี่ยว

ชาญก็อัดท่อนเนื้อของเขาทะลวงซ้ำเข้ามาภายในร่องก้นของเธออย่างหักโหมรุนแรง
ลำควยทั้งคู่ที่ผลัดกันแยงทะลวงอย่างเข้าจังหวะ เร่งเร้าให้ความรู้สึกเสียวซ่านนั้นพุ่งทะลุไปจู่จุดสุดยอด จนปาริฉัตรส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น ร่างบิดไหวเกร็งสะท้อนสะท้าน ก่อนจะฟุบฮวบปวกเปียกอ่อน

ระทวยอยู่ท่ามกลางการประกบเย็ดของสองพี่น้อง
แต่ทว่าไม่นานเลยหลังจากนั้น ปาริฉัตรที่รู้สึกเสียวซ่านรัญจวนใจเพราะลำควยทั้งสองปลุกปั่นอารมณ์ของเธอ จนกระเจิงก็ส่ายไหวขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงครางกระเส่าจากชายสองหญิงหนึ่งดังระงม......
ตรงห้องโถงใหญ่แขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับไปจนหมด แสงไฟที่เจิดจ้าเริ่มปิดดับทีละดวง
แต่เกมกามสังวาสอันเร่าร้อนในห้องนอนนั้นยังคงดำเนินเนื่องต่อไปอีกอย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด......
ในสภาวะครึ่งหลับครึ่ง ปรีณารู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วร่าง ความหนาวสั่นสะท้านจู่โจมเข้าจับใจ ทำให้เธอสยิวกายอย่างสั่นสะท้าน
ในความรู้สึกลางเลือนราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้ายนั้น เด็กสาวพยายามทบทวนว่าเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
พลันริมโสตประสาทประหนึ่งเหมือนเธอได้ยินเสียงหัวเราะที่แหลมก้อง เงาภาพเลือนรางที่ผุดพรายขึ้นในห้วงสำนึก กลุ่มคนที่หน้าตาน่ากลัว ดวงตาที่ชั่วร้าย....
ทันใดนั้นเด็กสาวรับรู้ถึงอาการโอบกอดของใครบางคนที่กระทำกับตัวของเธอ ความรู้สึกหวาดผวาที่จับเข้ามาอย่างกระทันหัน ทำให้เธอดิ้นรนสุดชีวิต พร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องออกมาเต็มเสียง
"อย่า...อย่า...อย่า...ปล่อย...ปล่อย...คุณพ่อ..คุณแม่ขา...พี่เอ..ช่วยบีด้วยยยยยย"
อาการโอบรัดนั้นยังรัดรึงมาไม่คลาย ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนเพียงไร เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหวาดหวั่นขวัญเสีย
แต่ทว่าเมื่อเสียงหนึ่งที่ดังแว่วเข้ามามา อาการโอบกอดที่แม้จะรัดรึงแต่ทว่ากลับค่อยๆ แผ่ความอบอุ่นเข้ามาอย่างที่เธอรู้สึกได้ ทำให้ร่างเล็กบางของปรีณาที่กำลังดิ้นรนสุดขีดนั้น ค่อยๆ ผ่อนคลายความตึง

เครียดลงไป เด็กสาวครางสะอื้นฮักๆ เอื้อมแขนบอบบางออกไปโอบรัดร่างที่มอบความอบอุ่นให้กับเธอเอาไว้มั่น ครวญครางเสียงแผ่วสะท้าน
"อย่า..อย่าทิ้งบีไปนะคะ..บีกลัว..บีกลัว.."
สุ้มเสียงปลอบประโลมดังกระซิบมาอย่างแผ่วเบา ราวกับธารทิพย์อันอบอุ่นหล่อเลี้ยงสภาพจิตใจที่แห้งผากของปรีณา เด็กสาวค่อยคลายความหวาดผวาลง แขนบอบบางของเธอยังคงเหยียดออกไปกอดรัดรับ

ความอบอุ่นจากร่างของคนที่ประคองแนบชิด ก่อนที่ปรีณาจะค่อยๆ ผล็อยหลับไปอีกครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มมองใบหน้าอ่อนหวานน่ารักที่หลับตาพริ้ม พวงแก้มใสที่ยังเปรอะด้วยน้ำตา แล้วต้องทอดถอนใจออกมาอย่างหวาดหวั่นขวัญเสีย
คนผู้นี้ย่อมเป็นพนมนั่นเอง ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงตนเอง ขณะที่ขับรถกลับบ้านด้วยความจิตใจว้าวุ่น แสงไฟหน้ารถพลันจับไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงข้างทางในบริเวณหมู่บ้านที่ เขาอาศัย
เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งรายล้อมร่างเล็กๆ แบบบางของเด็กสาวที่นอนฟุบอยู่กับพื้น
มโนสติบอกกับตัวเขาเองทันทีว่าเหตุการณ์อะไรกำลังเกิดขึ้น พนมโพล่งออกมาด้วยโทสะ ใบหน้าหล่อเหลานั้นขมึงเครียด
ชายหนุ่มกดแตรเสียงดังลั่นยาวนาน เสียงแตรนั้นดังแหลมก้องเป็นพิเศษในยามวิกาลดึกสงัดเช่นนี้ ขู่ขวัญจนกลุ่มเด็กวัยรุ่นนั้นแตกฮือ วิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางหายลับไปกับความมืด
เมื่อพนมจอดรถแล้ววิ่งออกไปดู เพียงแค่เห็นร่างเล็กบางที่นอนฟุบอยู่เพียงแว่บเดียวใจของเขาก็หายวูบ จำได้ทันทีว่าเป็นใครที่กำลังประสบชะตากรรมอันโหดร้ายนี้
ชายหนุ่มร้องเรียกหาชื่อของน้องภรรยาเสียงสั่น ขณะที่วิ่งผวาเข้าไปประคองร่างที่ฟุบพับอยู่กับพื้นนั้น
ในเวลานั้นใบหน้าอ่อนหวานน่ารักของน้องภรรยานั้นขาวซีดไร้สีเลือด ตามพวงแก้มเปรอะไปด้วยน้ำตาปะปนไปด้วยคราบฝุ่นสกปรกเป็นปื้นๆ ชวนให้เกิดความเวทนาสงสารแก่ผู้พบเห็นเป็นที่สุด พนม

ดวงตาแดงก่ำขณะที่เขย่าร่างบางร้องเรียกชื่อของน้องภรรยาเสียงสะท้าน แต่ปรีณานั้นหมดสติสัมปะชัญญะไม่รับรู้ต่อการร้องเรียกใดๆ จากเขาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพนมแลเห็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของปรีณานั้นยังคงอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตามเนื้อตัวไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้าย ใจที่ร้อนรุ่มราวกับถูกเพลิงเผาผลาญของพนมค่อยคลายลงเล็กน้อย

ก่อนจะรีบอุ้มร่างของน้องภรรยากลับขึ้นรถและบึ่งกลับบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยามนั้นพนมนั่งเอนๆ พิงพนักเตียงประคองกอดร่างเล็กบางของน้องภรรยาเอาไว้ด้วยความรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจจนสุดประมาณ
ชายหนุ่มไม่กล้าคิด นี่ถ้าเผื่อเขาไม่ได้ขับรถกลับมาทันเวลา ประจวบเหมาะการสถานที่เกิดเหตุพอดี อะไรจะเกิดขึ้น?
ร่างเล็กๆ ที่กอดรัดตอบ อาการซุกหน้าลงกับอ้อมอกเขา แขนบอบบางที่ตวัดไปตามลำตัว มือน้อยๆ นั้นกำไปที่ชายเสื้อของเขาจนเกร็งแน่น ราวกับจะยึดไว้เป็นที่พักพิงแหล่งสุดท้าย สร้างความรู้สึกเวทนา

สงสารให้เกิดขึ้นแก่พนมจนต้องหายใจสะทกสะท้อนออกมา
ชายหนุ่มนั่งเซื่องซึมอยู่ในสภาพนั้นไปอีกเนิ่นนาน จนกระทั่งรับรู้อาการกระดิกไหวของร่างเล็กบางในอ้อมแขนของตนเอง
ตอนนั้นขนตางอนยาวของปรีณากระพริบถี่ถี่ ก่อนที่ในที่สุดเด็กสาวจะค่อยๆ ลืมตากลมโตขึ้นมา แววตานั้นยังงงๆ อยู่เหมือนกำลังทบทวนความจำต่อเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นมา
พนมลูบมือไปที่หน้าผากขาวนูนสวยนั้น ส่งเสียงแผ่วเบา
"บีตื่นแล้วหรือจ๊ะ?"
ทันใดนั้นปรีณาสะท้านเฮือกขึ้นทันที ร่างเล็กบางนั้นสั่นผวา ขยับจะดิ้นรนหนีออกจากการโอบกอดของชายหนุ่มโดยพลัน
"อย่า..อย่า..ค่ะ..พี่หนึ่ง..บี..บีกลัวแล้ว.."
เด็กสาวสะอื้นไห้คร่ำครวญออกมา พนมพยายามรั้งร่างเล็กบางที่สั่นสะท้านราวกับลูกนกเปียกฝนของน้องภรรยาเอา ไว้มั่น กล่าวเสียงปลอบโยนอย่างอ่อนโยน
"ไม่ต้องกลัวพี่หนึ่งนะ น้องบี...พี่ไม่ทำอะไรน้องบีอีกแล้ว...นิ่งซะนะ..นิ่งซะ"
ปรีณาพยายามดิ้นรนหนี แต่พี่เขยของเธอยึดตัวเธอเอาไว้มั่น พร้อมกับใช้เสียงนุ่มนวลที่กระซิบอยู่อย่างแผ่วเบา อย่างช้าๆ ในที่สุดก็ค่อยๆ ทำให้ความหวาดผวานั้นค่อยๆ ผ่อนคลายลงไป
แต่ความรับรู้ต่อเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นมานั้นยังคงสร้างความเสียใจ น้อยใจให้เกิดขึ้นแก่เธอจนสุดประมาณ
ดังนั้นแม้ว่าพี่เขยจะมีทีท่าอ่อนโยน นุ่มนวล เหมือนกับที่เคยเป็นในอดีต ทำให้ปรีณาไม่ดิ้นรนหลีกหนีด้วยความหวาดกลัว แต่เธอก็ยังคงนอนตัวแข็งนิ่ง เบนศีรษะหันไปอีกทางหนึ่ง ร่ำไห้ออกมาจนตัวสั่น

สะท้าน
พนมลูบไล้ศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างปลอบประโลม ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มหมองคล้ำ
"บีจ๋า..พี่หนึ่งรู้ตัวดีว่าสิ่งที่พี่ทำกับบีมันเลวร้าย...อย่างที่ไม่มีทางให้อภัย"
ปรีณาร้องไห้ออกมาหนักขึ้น เสียงดัง ฮือ ฮือ สร้างความปวดร้าวให้เกิดแก่พนมจนจับจิต เขากล่าวเสียงสั่นสะท้าน
"บีจ๊ะ..ถ้าพี่หนึ่งตายไปเดี๋ยวนี้ และสามารถแก้ไขสิ่งที่พี่หนึ่งกระทำกับบีให้กลับกลายเป็นดังเก่า พี่หนึ่งจะยอมตายไปทันทีเลย. พี่..พี่เสียใจจริงๆ.นะ น้องบีจ๋า..."
คำพูดอันแสดงออกถึงความเสียใจอย่างลึกซึ้งนั้นเกาะกินเข้าไปในใจของเด็กสาว ปรีณาที่แม้จะยังเสียใจและน้อยใจอยู่อย่างมาก แต่ก็เชื่อสนิทในคำพูดของพี่เขยว่าเขาพูดด้วยใจจริง
"ทำไม..ทำไม..บีทำอะไรผิด..พี่หนึ่งถึงแสดงออกอย่างนั้นกับบี.."
ในที่สุดเด็กสาวก็เอ่ยถามเสียงแผ่วสะท้าน พนมค่อยๆ บรรจงเชยคางมนของน้องภรรยากลับมามองหน้าเขา กล่าวเสียงแหบพร่า
"บีไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจ้ะ..ทั้งหมดนั้นเป็นพี่หนึ่งเลวเอง..พี่..พี่..มันหน้ามืดตามัว คิดว่าน้องบีร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายพี่..."
ปรีณายกมือป้ายน้ำตาตรงพวงแก้มเธอ ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังพี่เขยอย่างงุนงง พนมใบหน้าซีดขาว กล่าวต่อว่า
"พี่เอเขาหนีพี่หนึ่งไปหัวหิน..เธอไปพร้อม..กับคุณเริงชัย.."
ทีแรกเด็กสาวยังมีสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอเห็นสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวของพี่เขย ทำให้เธอนึกอะไรได้รางๆ ร่างที่นอนอยู่รีบผวาลุกขึ้นนั่งพับเพียบทันที
"ไม่..ไม่ค่ะ..พี่เอ..เขารักพี่หนึ่งมาก..ไม่มีทาง..ไม่มีทาง...บีไม่เชื่อ"
ปรีณากล่าวเสียงสั่นสะท้าน พนมถอนหายใจและบอกเรื่องราวที่สมชายเพื่อนสนิทโทรศัพท์มาหาเขาในวันก่อนให้ น้องภรรยาฟัง จากนั้นก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงท้อแท้ใจ
"พี่ขอสารภาพผิดกับน้องบีว่า พี่เคยพลาดพลั้งด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มีอะไรกับดาวหลานสาวคุณเริงชัย..."
ปรีณารับฟังด้วยใบหน้าตกตะลึง ชายหนุ่มหยุดไปเล็กน้อย แล้วกล่าวเสียงสั่นพร่า
"แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแผนของคุณเริงชัยทั้งสิ้น เขามีความประสงค์ไม่ดีกับพี่เอของน้องบี วางแผนทุกอย่างเพื่อกลั่นแกล้งพี่.."
พนมเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์พาเขาไปที่คอนโดและจงใจให้ดาว มายั่วยวนเขา รวมไปถึงเรื่องที่เขาแน่ใจว่าการปรากฏตัวของดาวในวันนั้นซึ่งทำให้ภรรยาแสน รักหนีไปเป็นการจงใจสร้าง

สถานการณ์ของเริงชัยอีกด้วย
"อย่างไรก็ตาม พี่หนึ่งยอมรับว่าพี่หนึ่งทำผิดไปเอง ถ้าพี่หนึ่งมีใจที่มั่นคงต่อพี่เอของน้องบี เรื่องทั้งหมดก็คงไม่บานปลายถึงเพียงนี้..."
ชายหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าซึม ก่อนจะถอนหายใจยาวในท้ายที่สุด
ขณะที่ปรีณาน้ำตาคลอ รู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเครื่องมือให้กับเริงชัยใช้ทำลายความสัมพันธ์ที่กำลัง จะหวนกลับคืนสู่ความหวานชื่นของพี่สาวกับพี่เขย
"บี..บีขอโทษค่ะ..บีโง่เอง..ไม่อย่างนั้นพี่หนึ่งกับพี่เอคงไม่..."
เด็กสาวกล่าวเสียงสั่นสะท้าน น้ำตาไหลรินออกมา ชายหนุ่มรีบยกมือปิดปากบางจิ้มลิ้มนั้น ส่ายศีรษะกล่าวเสียงนุ่มนวล
"ไม่..ไม่จ้ะ..เรื่องนี้บีไม่ผิด บีไม่มีความผิดใดๆ เลยแม้แต่น้อย"
ปรีณายกมือป้ายน้ำตาที่ยังคงไหลรินออกมาด้วยกิริยาเหมือนเด็กๆ
"พี่หนึ่งก็รีบไปตามพี่เอเลยสิคะ ไปกระชากหน้ากากคนเลวๆ อย่างคุณลุงเริงชัย.."
เธอกล่าวอย่างรีบร้อน ตอนนี้เด็กสาวไม่ได้คิดคำนึงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองแล้ว ในใจมีแต่ความห่วงอาทรต่อความรู้สึกของพี่สาวและพี่เขยอันเป็นที่รักยิ่ง เท่านั้น
พนมส่ายศีรษะ จ้องไปที่ดวงตากลมโตของน้องภรรยากล่าวอย่างจริงจัง
"ไม่..พี่จะไม่ยอมไปไหน..พี่จะอยู่ดูแลน้องบีให้ดีที่สุด...รู้ไหมถ้าพี่หนึ่งกลับมาไม่ทัน อะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบี.."
ปรีณาพลันฉุกคิดนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองหนีออกไปจากบ้านแล้วไปพบกับเด็กวัย รุ่นกลุ่มนั้นขึ้นมาได้ ร่างเล็กบางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาจับจิต ต้องโผเข้าไปกอดร่างของพี่เขยเอาไว้อย่างลืมตัว
"พี่หนึ่ง...บีกลัว...บี.."
เด็กสาวคร่ำครวญออกมา พนมกอดร่างเล็กๆ นั้นเอาไว้แน่น กระซิบที่ข้างหู
"ไม่ต้องกลัวจ้ะ..พี่หนึ่งจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายน้องบี..ไม่ต้องกลัว เรื่องนายสอนกับนายแจ้งด้วย พี่หนึ่งรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว น้องบีไม่ต้องกังวลใดๆ อีกต่อไปนะ พี่ทำลายเทปอุบาทว์นั้นไปเรียบร้อยแล้ว"
ปรีณาหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกอดสูใจที่พี่เขยล่วงรู้ความจริง แต่ท่ามกลางนั้นในใจของเด็กสาวรู้สึกผ่อนคลายและโล่งเบาเหมือนกับยกภูเขาออก จากอก

2 ความคิดเห็น:

jo jonsun กล่าวว่า...

สุดยอดมากเลยครับ อยากอ่านตอน9ต่อเลยครับ

Unknown กล่าวว่า...

อ่านแล้วอยากให้ติดตามรอตอนจบครับ