วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คาวสวาท กามโลกีย์ 7

เสียง ครางกระเส่าของหญิงสาวเริ่มดังขึ้นอีก ผสานกับเสียงของชายทั้งสามที่แสดงออกว่าความกระสันซ่านก่อต่อสูงไต่ขึ้นไป ทุกขณะ เสียงดังระงมห้อง

จากนั้นอีกพักใหญ่ สองควยอวบที่แข็งปั๋งผลัดกันครูดเข้าออก เบียดสีเข้าหากันผ่านผนังบางๆ ในเรือนร่างของปาริฉัตร ก็เริ่มเร่าร้อนจนได้ที่ ทั้งชูชาติและเชี่ยวชาญต่างส่งเสียงร้องดังกระเส่าลั่นออกมาแทบจะพร้อมๆ กันอย่างเสียวซ่านสุดขีด
"อูยยยยยยยยยยยยยยย.......โอววววววววว...อาาววววว"
บิดากับบุตรเหงื่อแตกพลั่ก บดขยี้ลำควยเข้าไปอย่างเมามัน กระตุก ถี่ถี่ ต่างคนต่างแผดร้องออกมาเสียงดังลั่น และระเบิดกระสุกน้ำเมือกราดรดเข้าไปในตัวของปาริฉัตรอย่างแทบจะเรียกได้ว่า พร้อมเพรียงกัน ซึ่งหญิงสาวที่รับรู้ถึงความอุ่นที่พลุ่งเข้ามานั้นต้องสยิวกายอย่างเสียว ซ่าน เร่งปากดูดเค้นลำควยตรงหน้าอย่างหนัก สร้างความกระสันเสียวให้กับชัยชนะจนครางอู้

ขณะที่บิดากับน้องชายเวียนกระแทกเค้นน้ำกามออกจากลำควย เขาก็ถึงที่จับไปที่ศีรษะของปาริฉัตรแนบแน่น ร้องเสียงดัง
"อาววววว...อาาาาาา....ออกแล้ว"
ชายหนุ่มแอ่นสะโพก กระเด้าควย พร้อมๆ กับกระฉูดน้ำกามเข้าไปช่องปากอันชุ่มชื้นของปาริฉัตรอย่างไม่ออม ชัยชนะแช่ลำควยบดตอกลงไปกระแทกคอหอยของหญิงสาว เป็นการบังคับให้เธอกลืนกินน้ำกามของเขาลงลำคอไป

ชัยชนะมองใบหน้างามชวนฝันที่อ้าปากอมลำควยอวบตรงหน้าของเขาด้วยความสาแก่ใจ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหื่นกระหาย
"เป็นไงจ๊ะ คนสวย อร่อยไหม"
ปาริฉัตรหน้าแดงก่ำ รสคาวฉุนที่ผ่านลงสู่ลำคอนั้นความจริงแทบจะทำให้เธอสำลักออกมาด้วยความ รังเกียจ แต่ด้วยอารมณ์หนึ่งที่ถูกปลุกปั่นจนเพลิดแพร้วกระเจิงราวกับพลัดสู่อีกโลก หนึ่ง ทำให้หญิงสาวใช้มือกำไปที่ลำควยอวบถอกเข้าออกอย่างเร็ว ดูดปากไปที่หัวถอกรีดเค้นน้ำกามจากชัยชนะออกมากลืนกินลงไป พร้อมกับบิดไหวกระสันซ่าน กระตุกวาบๆ ถึงสู่จุดสุดยอดตามไปติดๆ

ชูชาติกับเชี่ยวชาญถอดควยออกมาจากโพรงหีและร่องก้นของปาริฉัตร ทั้งสองคนยักคิ้วให้กันมองดู ร่องหลืบร่องก้นที่กลวงอ้ามีน้ำกามไหลซึมออกมาเกรอะกรัง แล้วหัวเราะออกมา จากนั้นพ่อลูกทั้งสามพักเหนื่อยด้วยการผลัดกันเฟ้นฟอนเค้นคลึงไปตามผิวกาย ขาวผ่องเนี
ยนนุ่มกันอีกพักใหญ่ พอลำควยเริ่มแข็งได้ที่อีกครั้ง ทั้งสามก็เริ่มสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่ง ร่วมกันละเลงเพลงสวาทปรนเปรอให้กับปาริฉัตรอีกระลอกที่บ้านพักหรูของเริงชัย

นายสอนกับตาแจ้งสองพ่อลูกนั่งปรึกษาหารือกันหน้าดำคร่ำเครียด หลังจากเอะอะด่าว่าลูกชายไปจนไม่รู้จะว่ายังไงอีก พออารมณ์สงบลงตาแจ้งกับนายสอนก็มาปรับทุกข์กันถึงเรื่องที่เนื้อสาวก็อดเชย ชม แถมยังต้องมาประหวั่นว่าจะถูกจับเข้าคุกด้วย

ความจริงพนมนั้นทำลายเทปที่อัดภาพของตาแจ้งบังคับปรีณาอมควยให้ไปแล้ว แต่สองพ่อลูกหารู้ไม่นายสอนที่คิดไปคิดมาถึงตอนนี้ ใบหน้ากร้านเกรียมนั้นมีแววเหี้ยม กล่าวว่า
"ฉันว่าเราต้องรีบดำเนินการก่อนที่นายพนมจะปูดเรื่องนี้ให้ตำรวจฟังล่ะ พ่อ"
ตาแจ้งเห็นแววตาของลูกชายก็อ่านความประสงค์ของอีกฝ่ายออก
"แกจะทำอะไรกับนายพนมนั่นวะ"
นายสอนหัวเราะเสียงกร้าว
"ก็ไม่ทำไมล่ะ ฉันมีเพื่อนฝูงพอไหว้วานได้ จะทำทีให้เป็นเหมือนพวกโจรเข้าไปปล้นบ้าน แล้วก็ไปเอาเทปคืนมา"
"เฮ้ย มึงคิดดีๆ ก่อนนะ อย่าให้เรื่องมันลุกลามไปใหญ่โต..."
ตาแจ้งปรามลูกชาย ซึ่งแค่นหัวเราะ
"มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ หรือพ่ออยากติดคุกตัวโตฐานพรากผู้เยาว์ล่ะ"
พอนายสอนยันถาม ตาแจ้งก็อึกอักตอบไม่ได้ ในที่สุดก็ได้แต่ผงกศีรษะ
"เออ..จะทำอะไรก็ตามใจมึงเหอะ"
นายสอนขบเคี้ยวฟัน กล่าวด้วยใบหน้าถมึงทึง
"หนูบีด้วย..ฮะ ทำเป็นไม่เชื่องกับพวกเรา...ฉันจะคอยหาจังหวะ ดักเอาตัวมา คราวนี้จะจับอัดกระเด้าให้เชื่องควยเลย..คอยดูไปพ่อ"
นายแจ้งได้ฟังก็ควยลุก แต่ยังอดห่วงไม่ได้
"ทางผู้ใหญ่ของหนูบีก็รู้ตัวแล้ว จะทำอะไรมึงต้องคิดหน้าคิดหลังหน่อยนะเว้ย"
นายสอนหัวเราะฮิฮะ
"ฉันรู้น่าพ่อ คิดๆ เอาไว้แล้ว พอดักตัวเอามาได้ พวกเราก็เล่นกันให้เปรมก่อน แล้วจับส่งไปให้พวกแมงดาเพื่อนฉันที่รู้จักกันอยู่ พวกมันคงตาลุกถ้าเห็นหนูบี จากนั้นถ้าอะไรเกิดขึ้นไอ้พวกนั้นก็รับไป.."
นายแจ้งคิดแล้ว อารมณ์ตัณหาของตาเฒ่าทำให้ผงกศีรษะหงึกๆ เห็นดีไปกับคำพูดของลูกชายหมด

..................................................................

พนมตระคองกอดร่างเล็กบางของน้องภรรยาอยู่บนเตียง ขณะที่สายตามองไปที่นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงแล้ว เขามีนัดประชุมพิเศษต้องไปร่วมด้วย ทำให้ต้องถอนหายใจออกมา

ปรีณาที่อิงแอบอยู่กล่าวถามเสียงแผ่วหวาน
"พี่หนึ่งถอนหายใจทำไมคะ"
พนมยิ้มให้น้องภรรยา กระซิบว่า
"พี่หนึ่งต้องไปประชุมน่ะสิ..แต่ไม่อยากไปเลย อยากกอดน้องบีอยู่อย่างนี้ทั้งวัน"
ปรีณาหน้าแดงเรื่อ รู้สึกวาบหวามใจไปกับคำพูดของพี่เขยจนหัวใจพองโตด้วยความสุข
"พี่หนึ่งไปเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงบี"
พนมนิ่งไปอึดใจก็ผงกศีรษะ ประชุมนัดนี้เกี่ยวกับกับโครงการใหม่ จะไม่เข้าคงไม่ได้

ชายหนุ่มเชยคางมนของน้องภรรยาขึ้นมา ประทับจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าลงไปบนกลีบกุหลาบงามสีชมพูอ่อนนั้นจนเจ้าของริม ฝีปากนั้นแทบละลายไปกับรสจูบ ก่อนจะยอมตัดใจผละจากร่างงามนั้นออกมากำชับกำชา
"น้องบีนอนพักมากๆ นะ เลิกประชุมแล้วพี่จะรีบกลับมาหา"
ปรีณาใบหน้าแดง ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่วเบา
"ค่ะ...บีจะรอ"
พนมอดใจไม่ได้ต้องให้รางวัลกับทีท่าน่ารักของน้องภรรยาด้วยการพรมจูบอีกยก ใหญ่ ก่อนที่ปรีณาจะดิ้นรน ผลักตัวเขาออกไป เด็กสาวกล่าวยิ้มๆ
"ไม่เอาแล้ว..พี่หนึ่งรีบไปเถอะค่ะ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผละออกไปในที่สุด

ปรีณานอนนิ่งๆ หน้าแดงด้วยความอิ่มเอิบใจอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งภาพของพี่สาวผุดขึ้นในความคิด ความสำนึกผิดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด จนเธอสยิวกายอย่างหนาวเหน็บ
"พี่เอขา..บีขอโทษ"
เด็กสาวคร่ำครวญในใจ

ความรัก ความปรารถนาที่เพิ่งถูกสอนให้รู้จักเป็นครั้งแรกในชีวิตสาวนั้นพลุ่ง พล่านอย่างสับสนอลหม่านในใจ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความรักที่เธอมีอย่างล้นเหลือต่อพี่สาวนั้นมีมากมายยิ่งไปกว่า ทำให้เธอตัดสินใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่สาวกับพี่เขยกลับมาครองคู่กัน


ความคิดนั้นทำให้เด็กสาวผู้ถลำลงสู่บ่วงใยแห่งความรักรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา จับจิตจนสุดประมาณ หยาดน้ำตาใสๆ ไหลรินออกมาจากดวงตากลมโตนั้น

ปรีณาพยายามระงับจิตระงับใจ ขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิด และกดโทรออกไป

ค่ำวันนั้น หลังจากที่ตลอดช่วงบ่ายชูชาติและบุตรชายทั้งสองใช้เวลาทั้งหมดบรรเลงเพลงกาม ปรนเปรอสวาทให้กับปาริฉัตร จนสามคนพ่อลูกหมดเรี่ยวแรง พากันเดินขาสั่นออกไปจากห้องกลับที่พักของตนเองและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เชี่ยวชาญและชัยชนะซึ่งเป็นหนุ่มมีกำลังวังชาดีกว่าผู้เป็นพ่อก็ฟื้นเรี่ยว แรงจากความเหน็ดเหนื่อยได้ก่อน สองพี่น้องซึ่งอยู่ในภาวะแห่งความครึ้มอกครึ้มใจสุดๆ ก็ตกลงเห็นพ้องกันว่าจะออกไปเที่ยวผับที่เคยไปประจำบ่อยๆ โดยมีความมุ่งหมายจะพาเหยื่อชิ้นงามใหม่เอี่ยมของพวกตนออกไปอวดพรรคพวก เพื่อนฝูงด้วย

ดังนั้นสองพี่น้องที่อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบหรู เท่ห์ นำแฟชั่นด้วยเสื้อนหนังกางเกงขายาวสีดำรัดรูป ก็พากันเดินไปยังห้องเขียวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ปาริฉัตรที่นอนซมกับเตียงก็อาบน้ำชำระคราบไคลกามตามเรือนกายจนสะอาดเรียบ ร้อยแล้วเช่นกัน เมื่อสองพี่น้องเดินเข้ามาเห็นหญิงสาวที่แม้จะอยู่ในชุดเครื่องแต่งตัวแบบ ง่ายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขายาวแบบเรียบก็ยังอดรู้สึกกระสันซ่านขึ้นมาอีกไม่ ได้ นัยน์ตาแวววาวของทั้งคู่จับจ้องไปยังใบหน้าอันอ่อนหวานงามซึ้งนั้นอย่างหมาย มาด

หญิงสาวสะอื้นไห้อยู่ภายในใจ แต่ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากที่เธอถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังอีกครั้งนั้น ปาริฉัตรได้ร้องไห้ออกมาจนกระทั่งไม่เหลือน้ำตาจะไหลออกแล้ว ยามนั้นนั่งเอนๆ พิงพนักเตียงด้วยแววตาแห้งผาก มองสองพี่น้องที่เดินเข้ามาด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก แห้งแล้ง ไร้จิตวิญญาณ

เชี่ยวชาญทรุดนั่งลงเบื้องข้างปาริฉัตรยื่นหน้าเข้าไปแตะแก้มนวลของเธอ กระซิบพลางยิ้มกล่าวว่า
"คุณเอมีชุดสวยๆ ติดมาหรือเปล่า เปลี่ยนเถอะ ผมกับพี่ชัยจะพาออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ"

ปาริฉัตรส่ายศีรษะ ฝืนใจกล่าวว่า
"ไม่มี..ค่ะ..ดิฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาสำหรับงานกลางคืน.."
เชี่ยวชาญหันไปมองพี่ชายอย่างหารือ ชัยชนะหัวเราะเสียงดัง กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
"ก็ไม่ต้องชุดอะไรที่หวือหวามากนักก็ได้ สำหรับคุณเอ จะใส่ชุดไหนก็สวยทั้งนั้นแหล่ะ คืนนี้ขอให้พวกผมพาคุณเอไปอวดพรรคพวกหน่อยนะ"
หญิงสาวไม่ต้องการออกไปไหนทั้งสิ้น ก็ส่ายศีรษะพลางกล่าวปฏิเสธเสียงแผ่วเบา
"ดิฉัน..ไม่อยากออกไปไหน.."
เชี่ยวชาญหยุดยิ้ม ใบหน้าเริ่มส่อแววไม่พอใจตามนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครขัดใจ ปาริฉัตรแลเห็นดังนั้น ด้วยประสบการณ์บางอย่างที่เธอเรียนรู้มาให้ระยะเวลาอันสั้นที่ผ่านมานี้ ทำให้ใบหน้าที่เฉยชานั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนหวาน เอนตัวเข้าไปหาชายหนุ่ม บรรจงจูบไปที่ริมหูของอีกฝ่ายพลางกระซิบเสียงแผ่วสะท้าน
"เอ..เหนื่อยค่ะ..คุณเชี่ยวให้เอพักสักคืนนะคะ...พรุ่งนี้สัญญาว่าเอจะตามใจคุณเชี่ยว"
เชี่ยวชาญขนลุกซ่าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ระบายออกมาจากเรือนร่างงาม เสียงกระซิบที่แม้แผ่วเบาแต่เจือไปด้วยความหวานแห่งมารยาหญิง ที่แม้จะมีสตรีหลายต่อหลายคนเคยใช้กับเขา แต่เมื่อเปล่งออกมาจากริมฝีปากงามที่เอื้อนเอ่ยอยู่ข้างริมหูนั้นมันช่างราว กับเสียงทิพย์มีมนต์ขลังสะกดทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาเจือจางสลายลงไป เป็นความโปร่งโล่งอย่างบอกไม่ถูก

ชายหนุ่มยิ้มกว้างขวาง ใช้มือโอบร่างงามเข้ามากอดเอาไว้ และประทับจูบไปที่ริมฝีปากนุ่มนั้นนิ่งนาน ซึ่งปาริฉัตรไม่มีการบ่ายเบี่ยงใดๆ สองมือขาวผ่องบางเบานั้นเคลื่อนไปประคองท้ายทอยของอีกฝ่าย สองลิ้นกระหวัดพันกันอย่างดูดดื่มเร้าใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เชี่ยวชาญจะผละใบหน้าออกมากล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
"ได้สิครับ คุณเอ..คืนนี้นอนพักผ่อนมากๆ นะครับ พรุ่งนี้ผมจะพาไปช๊อปหาซื้อสวยๆ ออกไปเที่ยวกับผม"
ปาริฉัตรแย้มยิ้มออกมาจนแลเห็นฟันเรียบสะอาดราวกับไข่มุก ใบหน้าอ่อนหวานนั้นค้อมลงเป็นการรับปาก ปรายตาที่แว่บมองไปยังชัยชนะและเชี่ยวชาญนั้นแพรวพราวประกายยั่วเย้าด้วย จริตกิริยาที่ทั้งไม่เคยมีชายคนไหนแม้แต่พนมได้มีโอกาสแลเห็นมาก่อน ทำให้สองพี่น้องที่แม้ว่าจะเป็นนักเลงผู้เชี่ยวชาญในเรื่องสตรีเพศมากัน อย่างโชกโชนแลเห็นแล้วยังต้องตะลึงเพริดไปด้วยความสุดเสน่หา อ้าปากตาค้างราวกับถูกกระตุกขวัญวิญญาณออกไปจากร่าง

ชัยชนะต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะเรียกสติคืนมาจากรอยยิ้มกระชากวิญญาณของปาริฉัตรมาได้ รีบตบบ่าน้องชาย
"ให้คุณเอพักตามสบายดีกว่า พวกเราไปกันเถอะ..."
เชี่ยวชาญพลันรู้ตัว รีบหัวเราะออกมาแก้เก้อ ผุดลุกขึ้นจากเตียง พยักเพยิดกับพี่ชายพากันเดินออกไปจากห้อง

เมื่อประตูปิดสนิทแล้ว ใบหน้าอันอ่อนหวานงดงามของปาริฉัตรที่แย้มยิ้มส่งให้ก็แปรเปลี่ยนไปนิ่งสงบ หันมองผ่านออกไปนอกหน้าต่าง จับไปยังประกายดาวซึ่งคืนวันนี้ท้องฟ้าเปิดแลเห็นระยิบระยับพร่าพราย

ในยามนั้นดวงตางามซึ้งทั้งสองเปล่งประกายอย่างยากจะหยั่ง ทั้งสวยงามน่าลุ่มหลง ทั้งลึกลับน่าประหวั่นพรั่นใจ ทั้งยะเยียบเย็นชาจนน่าขนลุก....

....................................

เมื่อพนมเสร็จประชุมและรีบกลับมาถึงบ้านด้วยความร้อนใจ ในห้วงคำนึงของชายหนุ่ม แม้ไม่เคยคลาดคลายจากการห่วงหาภรรยาที่แสนรัก แต่ความรู้สึกที่มีต่อน้องภรรยานั้นเล่าก็ราวกับใยไหมที่พัวพันเข้าสู่จิตใจ ยิ่งนานยิ่งหนาแน่น ลึกซึ้ง อย่างที่เขาไม่สามารถตัดให้ขาดไปได้

ความรู้สึกดื่มด่ำระคนกับความขัดแย้งลึกๆ พลุ่งพล่านขึ้นในใจของพนม เมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้านและพบน้องภรรยายืนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน
"พี่หนึ่งไปอาบน้ำสิคะ บีเตรียมอาหารเย็นให้แล้ว"

ท่วงท่า กิริยาเช่นนี้มิใช่หรือ ที่ปาริฉัตรได้แสดงออกต่อเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความรู้สึกหวาน ขม สับสนระคนอยู่ในใจของชายหนุ่ม ขณะที่รวบร่างเล็กบางนั้นเข้ามากอดเอาไว้ กระซิบเสียงแผ่ว
"บีไม่น่าต้องลำบาก ยังไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือ"
ปรีณากอดพี่เขยตอบแนบแน่น ซบใบหน้ากับอกกว้างของเขา ตอบเสียงหวาน
"บีไม่เป็นไรค่ะ ดีขึ้นมากแล้ว บี..บี..ยินดีและมีความสุขที่ได้ปรนนิบัติพี่หนึ่ง.."
ความรู้สึกเต็มตื้นขึ้นในใจ ทำให้พนมอดไม่ได้ต้องเชยคางมนนั้นขึ้นมา ก่อนจะประทับจูบไปบนริมฝีปากนุ่มที่เผยอรับอย่างอ้อยอิ่งอ่อนละมุน ความอบอุ่น ร้อยรัดเข้าระหว่างสองจิตใจ ร่างเล็กอุ่นละเอียดนั้นเอนแอบไปกับอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม ซึ่งเลือดในกายไหลอิ่มเอิบด้วยความรู้สึกเป็นสุขสม

ทั้งสองอ้อยอิ่งคลอเคลีย ประคองจูบกันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งปรีณาดิ้นรนออกมา ใบหน้าอ่อนหวานน่ารักย่นจมูกให้อย่างซุกซน
"ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ..."
พนมหัวเราะ ไม่ได้ว่าอะไรอีก ก็เดินผละน้องภรรยาขึ้นไปข้างบนแต่โดยดี

เมื่อชายหนุ่มอาบน้ำชำระกายเรียบร้อย ก็พบเสื้อผ้าอยู่กับบ้านแบบสบายๆ วางเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย ทุกอย่างนั้นไม่ต่างอะไรกับสมัยเมื่อเขามีภรรยาแสนดีคอยปรนนิบัติเลยแม้แต่ น้อย

ความรู้สึกนั้นทำให้พนมรู้สึกไหววูบ นัยน์ตาของชายหนุ่มเหม่อมองไปยังรูปของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเป็นที่ที่ปาริฉัตรใช้แต่งตัวอย่างแน่วนิ่ง
"เอจ๋า...พี่ขอโทษ...พี่ไม่รู้จริงๆ..ว่าจะทำอย่างไรดี..."
ชายหนุ่มครางอยู่ในใจ

พนมต้องระงับความรู้สึกสับสนในใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะข่มความรู้สึกวุ่นวายนั้นเดิมลงไปข้างล่าง ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับน้องภรรยา ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างน่าทาน ควันร้อนกรุ่น กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้องอาหาร

ความเป็นจริงภรรยาแสนรักของเขามีฝีมือทำครัวเป็นเลิศ แต่น้องภรรยาคนนี้ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไร พนมรับประทานอาหารค่ำด้วยความอเร็ดอร่อย ท่ามกลางสายตาแววหวานของผู้ประกอบอาหารที่จับจ้องมองมาอย่างดีใจ

หลังอาหารพนมต้องรีบไปเตรียมเอกสารสำหรับประชุมเช้าวันพรุ่งนี้ ปรีณาจึงไล่พี่เขยไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่อยากจะขัดความประสงค์ดีของน้องภรรยา จึงปล่อยให้เด็กสาวทำหน้าที่เก็บจานชามเข้าครัวไปล้างเอง

ขณะที่ทำการล้างชามไป ความคิดคำนึงของปรีณาก็หวนไปถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันนี้ หลังจากที่พนมออกจากบ้านไปแล้ว เธอก็โทรศัพท์ไปหาดาว

อีกฝ่ายมีน้ำเสียงตกใจ อย่างคาดไม่ถึงที่จะได้รับโทรศัพท์จากเธอ

ปรีณาขอร้องดาว ถามถึงหนทางที่จะไปเสาะหาเริงชัย ถ้าอีกฝ่ายจะไปพำนักที่หัวหิน ซึ่งดาวที่เงียบอึ้งไปนาน ก็ส่งเสียงถามมาว่า
"บีไม่โกรธและเกลียดดาวแล้วหรือ?"
ในความเป็นจริง ขณะแรกที่ได้รับทราบความจริง มีหรือที่ปรีณาจะไม่โกรธและผิดหวังในความปรารถนาดีที่ตนเองมอบให้กับดาวโดย บริสุทธิ์ใจ แต่กลับถูกตอบสนองด้วยการกระทำอันเลวร้าย ที่ซึ่งแทบจะเป็นการสร้างตราบาปราคีคาวให้กับเธอไปจนตลอดชีวิต

แต่ ณ ตอนนี้ความเป็นห่วงใย ความปรารถนาที่จะได้ไปพบหน้าพี่สาว มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ทำให้ปรีณาระงับจิตใจกล่าวว่า
"บียกโทษ และไม่ขอขุ่นเคืองดาวอีกต่อไปแล้วล่ะ...ดาวช่วยบีนะ"
น้ำเสียงของดาวที่ตอบมาเจือไปด้วยความตื้นตันใจในความดีและบริสุทธิ์ใจของปรีณา จนน้ำเสียงนั้นสั่นสะท้าน
"ดาว..เสียใจจ้ะ...ขอโทษที่ดาวทำผิดไปกับบีอย่างไม่น่าให้อภัย..."
"ไม่เป็นไรจ้ะ...บีไม่ถือโทษโกรธดาวแล้ว..ไม่ต้องกังวลไปนะ"
ปรีณารีบว่า จากนั้นดาวก็เอ่ยถามกลับมา
"บีจะไปหา คุณอาเริงชัย เรื่องพี่สาวงั้นหรือ?"
"ใช่จ้ะ ดาว บีขอร้องนะ..ช่วยบอกบีด้วย.."
เด็กสาวขอร้องเสียงอ่อนเบา เธอได้ยินเสียงถอนหายใจของดาวอย่างชัดเจนผ่านโทรศัพท์ดังมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบมา
"บีคิดว่าบีจะทำอะไรได้ ต่อให้ไปถึงแล้วเจอคุณอาเริงชัย"
"ไม่..ไม่รู้เหมือนกัน..แต่บีจะไม่ยอมกลับมาอีกเลย ถ้าไม่ได้ตัวพี่เอมาด้วย.."
เธอหยุดไปเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
"ดาว..ดาวจ๋า..พี่เอเป็นคนดี น่ารักมาก เธอใจดี มีเมตตากับทุกคน..ดาวรู้จักเธอแล้วจะต้องรักเธอ ..ดาวช่วยพี่เอของบีด้วยนะ ให้เธอได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย..."
ดาวนิ่งอึ้งไปนาน ก่อนในที่สุดจะกล่าวตอบเสียงละห้อยอย่างเสียใจ
"ตกลงจ้ะบี...เอ่อ..ดาว..ดาวเสียใจมากนะ..ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด เรื่องทั้งหมดนี้..บี..บี..คิดว่าพี่เอของบีจะยกโทษให้ดาวหรือเปล่า?"
บียิ้มออกมาทั้งน้ำตา รู้สึกดีใจที่สามารถหว่านล้อมอีกฝ่ายได้
"แน่นอนจ้ะ พี่เอไม่เคยอาฆาตมาดร้ายใคร ถ้าดาวสำนึกผิด กลับใจเสียใหม่ บีรับรองว่าพี่เอจะม่ถือโทษทุกอย่าง. เชื่อบีเถอะ"
เสียงของดาวแข็งขันขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง
"ถ้าอย่างนั้นดาวจะไปรับบีพรุ่งนี้เช้านะ เราไปด้วยกันนี่แหล่ะ ดาวจะช่วยบีอีกแรงพาพี่เอของบีกลับมาหาพี่พนมให้ได้"
ปรีณาเบิกตากว้าง รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที ความที่จะอย่างไรก็เป็นคนวัยเยาว์อ่อนประสบการณ์ ทำให้เธอรู้สึกดีใจที่จะมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย แต่เด็กสาวยังคงเอ่ยอย่างเกรงใจ
"ความจริงดาวไม่ต้องไปด้วยก็ได้นะ..แค่บอกหนทางที่อยู่ให้กับบีก็พอ"
"ไม่ล่ะ..ดาวมีส่วนร่วมในความผิดครั้งนี้เหลือเกิน ขอโอกาสทำคุณไถ่โทษ..บีไม่ต้องปฏิเสธดาวล่ะนะ...ไว้พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ"
อีกฝ่ายสรุปเสร็จสรรพ แล้วก็นัดเวลาว่าจะมารับเธอสายนิดหน่อย กะให้พี่เขยของเธอออกไปทำงานแล้ว ซึ่งปรีณาก็ตอบตกลงก่อนที่จะตัดสายโทรศัพท์

ปรีณาครุ่นคิดไป ใบหน้าก็มีแววตกลงใจอย่างเด็ดเดี่ยว

เธอจะไม่ยอมกลับมาเด็ดขาด ถ้าพี่สาวของเธอไม่ได้กลับมาด้วย

....................................................

ค่ำเดียวกันนั้น

เริงชัยนั่งใบหน้าแดงก่ำ กระดกเหล้าเข้าปากอย่างฉุนเฉียวดาลเดือด

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หนุ่มใหญ่ผู้เจนโลกไม่เคยรู้สึกเสียหน้า เสียศักดิ์ศรีถึงขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเขาครุ่นคิดถึงใบหน้าอันแสดงความโอหัง อวดดี เยาะเย้ย ของเชี่ยวชาญมากเท่าไร ความขุ่นแค้นก็พลุ่งพล่านขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น ความหงุดหงิด อึดอัด ที่พอกพูนสะสมอยู่ในใจนั้นมันทับทวีขึ้นราวกับเป็นพะเนินอันหนักอึ้ง กดทับให้เขารู้สึกปานจะอกระเบิดแตกตายไปได้ในทุกขณะ

"ไอ้เชี่ยวชาญมันรู้จักเราน้อยไป เฮอะ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะได้เห็นดีกัน"
หนุ่มใหญ่คำรามในใจ พลางยกเหล้าดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะจัดการผสมแก้วใหม่ให้กับตนเอง

แต่ทว่าประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทำให้เริงชัยแม้ดาลเดือดแต่ก็ไม่ไร้สติ หนุ่มใหญ่แม้จะดื่มด้วยความกลัดกลุ้ม แต่ก็ระวังไว้ไม่ให้ถึงกับเมามาย ขณะที่ส่งเหล้าเข้าปากตนเอง แววตาก็มีร่องรอยครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

ที่สำคัญเขาจะต้องรู้ให้แน่ใจเสียก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเชี่ยวชาญตัดสินใจเอง หรือชูชาติเป็นคนหนุนหลัง?

เพราะถ้าไม่จำเป็นเขาไม่ต้องการขัดใจคนที่มีอำนาจอย่างชูชาติ คนที่หันหางเสือตามลมอย่างเริงชัยรู้ดีว่าการขัดแย้งคนที่มีอำนาจอย่างชู ชาติแล้วผลจะเป็นอย่างไร

แม้จะรู้ว่าอะไรควรรุก อะไรควรถอย ถึงกระนั้นเมื่อคราใดที่หนุ่มใหญ่ครุ่นคำนึงไปถึงเงาภาพอันสวยสง่า งามงด ของสตรีที่เขายอมรับหมดใจในตอนนี้แล้วว่าทั้งรัก ทั้งหลง เหนือสิ่งอื่นใด ในความคิดของเริงชัยนั้นต่อให้ชูชาติหนุนหลังลูกชาย เขาก็จะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว


ไม่ว่าจะต้องทุ่มสุดตัวอย่างไร เขาก็ต้องแย่งชิงสตรีอันเป็นยอดปรารถนากลับคืนสู่อ้อมอกของเขาให้จงได้

ในตอนนี้เขาต้องการคู่คิดที่ไว้ใจได้ คนที่มีสติปัญญา และรู้ใจเขาดีพอที่จะให้คำปรึกษา

มือไวเท่าความคิด หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ ยกโทรศัพท์โทรไปหาคนขับรถคนสนิทโดยทันที

"ไอ้สอน มึงรีบมาหากูเดี๋ยวนี้เลย ที่รีสอร์ท"
เริงชัยสั่งการทันทีเมื่อนายสอนรับสาย จากนั้นผงกศีรษะอย่างพอใจ เมื่อได้ยินคนขับรถคู่ใจไม่ถามไถ่อะไรให้มากความสักคำ นอกจากตอบรับอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะตัดสายโทรศัพท์ลงไป

ในความมืด ที่หนุ่มใหญ่นั่งดื่มเหล้าอยู่อย่างมืดมิด แสงจันทร์ที่สาดส่องมาจากนอกหน้าต่างยังสะท้อนแววตาของเริงชัยให้เห็นได้

แววตาของเริงชัยในยามนั้น ร้อนแรง ลุกโชน ราวกับแววตาของเสือโคร่งที่ได้รับบาดเจ็บจากศรนายพราน ช่างเป็นประกายตาที่น่าสะพรึงกลัวโดยแท้จริง!!!

..........................................

พนมซึ่งใช้สมาธิตระเตรียมเรื่องสำคัญ สำหรับการประชุมในวันพรุ่งนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเวลาผ่านพ้นไปมากพอสมควร เหลือบตามองไปอีกครั้งก็พบว่าเป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้ว

ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังเตรียมไสลด์แผ่นใสอยู่ รู้สึกหนึบๆ จนต้องยกมือขึ้นนวดที่หว่างคิ้วตัวเอง

ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ระเหยขึ้นกระทบจมูก พร้อมๆ กับมือนุ่มที่เลื่อนไล้เข้ามาบีบนวดตรงหัวไหล่ และบ่าของตนเองสร้างความรู้สึกสบาย และผ่อนคลายให้แก่ตัวเขาเองอย่างบอกไม่ถูก

เสียงแผ่วหวานของปรีณาดังขึ้นที่ข้างหู
"เหนื่อยมากหรือคะ บีนวดให้นะคะ.."

พนมยิ้มออกมา เอนศีรษะพิงพนัก พลางหลับตาลงอย่างสบาย พร้อมกับกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
"อือม์...พี่กำลังสบายอยู่ทีเดียว นี่ต่อให้บีไม่พูด จ้างให้พี่ก็ไม่ยอมให้หยุดมือหรอก..."
ปรีณาหัวเราะคิกให้กับคำพูดของพี่เขย มือเล็กบางนั้นขยับเคลื่อนไปตามแนวบ่าของชายหนุ่ม นิ้วทั้งสิบค่อยๆ ขยับนวดเฟ้นไปตามเส้น ซึ่งสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับพนมจนต้องส่งเสียงครางออกมาอย่างสบายตัว
"อือหือ นี่บีไปเรียนวิธีนวดมาจากไหนน่ะ.."
ปรีณายื่นหน้าเข้ามา พูดอวดๆ อย่างสุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดู
"บีช่วยคุณยายนวดตั้งแต่เด็กแน่ะค่ะ...คุณยายสอนให้ ท่านชมเปาะว่าบีนั้นมือเบา นวดให้แล้วสบายตัวไม่แพ้พวกมืออาชีพ"
พนมผงกศีรษะ หัวเราะออกมาเบาๆ นั่งตัวเบาสบายปล่อยให้น้องภรรยาทำการนวดต่อไป ซึ่งปรีณาก็ตั้งอกตั้งใจนวดให้อย่างแข็งขัน พักหนึ่งก็มองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วถามถึงงานที่พี่เขยของเธอเตรียมอยู่
"ใกล้เสร็จหรือยังคะ"
"เหลืออีกนิดเดียวก็เรียบร้อยจ้ะ"
พนมตอบ จากนั้นหันไปมองวงหน้าใสที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วผัดหน้าด้วยแป้งอ่อนๆ ผิวแก้มผ่องนั้นดูอ่อนบางราวกับจะปริแตกไปได้ถ้าถูกอะไรกระทบ อดไม่ได้ต้องยื่นจมูกเข้าไปแตะ พลางกล่าวเสียงนุ่มนวลแกมเย้าหยอก
"นั่นน่ะสิ พี่ก็ว่าอย่างที่คุณยายของบีว่า บีของพี่นวดเก่งจริง แถมแก้มยังหอมอีกด้วย"
ปรีณาหัวเราะเสียงใส หลบหน้ากลับไปด้านหลัง พลางส่งเสียงร้องเบาๆ
"แน้ มันเกี่ยวอะไรกันคะ นวดเก่งกับแก้มหอม พี่หนึ่งนี่จะเอากำไรเขาก็ไม่ว่า.."
พนมหัวเราะชอบใจ ใช้กำลังขาขยับเก้าอี้ทำงานให้หมุนตัวกลับไปหาน้องภรรยา แล้วรวบร่างเล็กบางที่อยู่ในชุดนอนกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนนุ่มสบายนั้นเข้ามา นั่งที่ตักตนเอง

ปรีณาดิ้นรน กล่าวด้วยใบหน้าครึ่งยิ้มครึ่งงอน เบี่ยงใบหน้าหลบจมูกเจ้าชู้ของพี่เขยที่ซอนไซร้เข้ามาเชยชมที่แก้มใสของตนเอง
"พี่หนึ่งปล่อยซี...ไม่ให้บีนวดแล้วหรือคะ.."
พนมยิ้มกว้างขวาง ส่ายศีรษะ
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ พี่อยากกอดบีมากกว่า.."
ปรีณาหน้าแดงระเรื่อ ร่างเล็กนั้นหยุดดิ้นไปโดยพลัน เปลี่ยนเป็นอิงแอบเข้าไปหาอ้อมอกอันอบอุ่นของพี่เขย มือเล็กบางเลื่อนไปโอบที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม จ้องตาแป๋วใสตรงแน๋วไปที่พนมซึ่งก้มลงจับจ้องมาอย่างดื่มด่ำอยู่ก่อนแล้ว

พอริมฝีปากจิ้มลิ้มบางเบาเผยอขึ้นน้อยๆ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปจรดริมฝีปากแนบชิด บดเบียด กระหวัดพันกันลิ้นนุ่มชุ่มชื้นของเด็กสาวแสนสวยอย่างดูดดื่ม

ท่ามกลางความเสียวกระสันที่ก่อตัวขึ้นมาตามท้องน้อย ปรีณาคำนึงในใจไปยังพี่สาวอันเป็นที่รัก
"บีขอยืมตัวพี่หนึ่งอีกคืนเดียวนะคะ...พี่เอขา"

ปรีณาหลับตาพริ้ม ส่งเสียงคราง อือ อือ ในลำคอ ขณะที่ริมฝีปากของพนมเลื่อนพรมไปตามวงหน้างามของเธอ ซอกคอขาวผ่องหอมกรุ่น มือขวาของชายหนุ่มยังประคองกระชับอยู่ที่เอวคอดของน้องภรรยา ขณะที่มือซ้ายเลื่อนขึ้นไปบรรจงไล้ไปตามเนินอกที่นุ่มนิ่มสู้มือของปรีณา ผ่านเสื้อนอนเนื้อนุ่มอย่างละลานใจ

ร่างเล็กบางของเด็กสาว บิดไหวอยู่บนตักของชายหนุ่ม สองมือของเธอเลื่อนไปโอบแผ่นหลังอันแข็งแรงของเขา ลูบไล้ไปมาอย่างช้าๆ เสียงครางครวญเริ่มดังขึ้น เมื่อมือของพนมเริ่มขยำคลึงไปตามฐานอก ไล่เฟ้นขึ้นไปจรดปลายถัน กระตุ้นความรู้สึกเสียวซ่านจนชายหนุ่มรู้สึกความแข็งชูชันของสองเต้าที่ดีด เด้งขึ้นมาสู้มือ

"อา...อาาาา....อืมมมมม.."
เสียงครางของปรีณาแว่วผ่านริมฝีปากบางเบาของเธอออกมา ขนอ่อนทั่วตัวลุกซู่ เมื่อชายหนุ่มจูบไล้ไปตามซอกคอ ขบเบาๆ ไปที่ติ่งหูขาวใสของเธอ พร้อมกับเม้มปากดูดดื่มความหอมหวานอย่างนุ่มนวลละเลียดอ่อนโยน

"พี่หนึ่งขา...."
ปรีณาครางครวญออกมาเสียงแผ่วเบา ความรัญจวนใจแผ่ซ่านปกคลุมหัวใจดวงน้อยๆ ของเธออย่างเปี่ยมล้น วงหน้างดงามแดงซ่าน ตกอยู่ภายใต้การพนมจูบจากพี่เขยอีกระลอกใหญ่ มือของชายหนุ่มเลื่อนลงไปช้าๆ ตามลำตัวเล็กบางนั้น จากหน้าท้องราบเรียบ ลำขาเนียนนุ่ม หัวเข่ากลมมน จวบจนมือแข็งแรงของพนมอ้อมสอดเข้ามาตามชายกระโปรงยาว ลูบไล้ไปตามเรียวขาที่บดเบียดอยู่บนตักของตนเองไล่ย้อนกลับขึ้นไปเรื่อยๆ

เมื่อมืออุ่นของพี่เขยลูบไล้รุกขึ้นมาถึงโคนขาอ่อน ปรีณาก็ตัวสั่นไหวอย่างเสียวซ่าน ร่างเล็กบางนั้นโอบกอดเข้าหาตัวของพนมอย่างแนบแน่น ริมฝีปากบางงามเคลื่อนเข้ากระซิบที่ข้างหู
"บีรักพี่หนึ่งค่ะ..."

พนมรู้สึกเต็มตื้นขึ้นในใจ จนต้องประทับจูบรับขวัญริมฝีปากงามนั้นอย่างดูดดื่ม ส่งเสียงพึมพำผ่านริมฝีปากที่บดเบียดกัน
"พี่..รักบี..เช่นกัน...รักมาก..."

ปรีณาบิดไหวอย่างสุดเสียว เมื่อนิ้วมือของพี่เขยเริ่มลากไล้ไปตามร่องหลืบของตนเองผ่านกางเกงในผืนน้อย ที่ตอนนี้ตรงเป้านั้นชุ่มชื้นเพราะน้ำสวรรค์ที่เอ่อขับออกมาจากร่างกายของ เธอ สองมือเล็กบางที่โอบอยู่กลางแผ่นหลังของชายหนุ่มก็ตอบสนองด้วยการเริ่ม เลื่อนเปะปะไปตามเสื้อทีเชิ๊ตผ้านุ่มที่พนมสวมใส่ ก่อนจะสอดคว้าไปที่ชายเสื้อเลิกดึงขึ้นไปตามลำตัวของเขา

ชายหนุ่มเองตอนนั้นความเสียวซ่านที่เกาะกุมอยู่ทุกอณูความรู้สึกก็หาได้น้อย ไปกว่าน้องภรรยาไม่ ละแขนที่โลมไล้เนินนูนงดงามนั้นชั่วคราว เพื่อให้ปรีณาถอดเสื้อของเขาออกไปทางศีรษะ จนเผยให้เห็นแผ่นอกแข็งแรง ซึ่งมือเล็กบางนั้นเริ่มลากไล้สัมผัสไปตามกล้ามเนื้ออกของชายหนุ่มอย่างชื่น ชม ริมฝีปากบางนุ่มนั้นยิ้มออกอย่างซุกซน เมื่อเลื่อนลงไปขบเบาๆ บนหัวนมของพี่เขย

พนมสะดุ้ง หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
"ซนนักนะ เรานี่แน่ะ.."
นิ้วแข็งแรงของพนม ลงโทษความซนของน้องภรรยาโดยการเลื่อนลงไปที่เนินนูนของเธออีกครั้ง สองนิ้วที่ลากไล้ขึ้นลงแหวกผ่านร่องหลืบ เข้าไปบดกระหวัดกับเม็ดเสียวผ่านเนื้อผ้ากางเกงในเบาบาง ทำให้ปรีณาครางครวญออกมาอย่างเสียวซ่านรัญจวน ใบหน้าแดงก่ำไปจรดใบหู ร่างเล็กบางนั้นกระตุกวาบๆ บิดส่ายบดสะโพกผายนุ่มไปบนตักของพี่เขย

"ซีดส์..ซีดส์...พี่หนึ่ง...ขี้...โกง...ซี้ดส์...บี..อาาาาาา"
ปรีณาส่งเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะความเสียวซ่าน ตอนนั้นกระโปรงยาวที่เธอสวมใส่ถูกพนมถลกขึ้นมาคาตรงหว่างเอว เปิดโอกาสให้มือของเขารุกราน โลมไล้ไปตามเนินนูนที่มีกางเกงในแนบเนื้อตัวน้อยอย่างง่ายดาย เพรียวขาด้านหนึ่งตกลงมาหยั่งบนพื้น ส่วนอีกข้างหนึ่งถูกรั้งขึ้นไปชันเข่าแนบลำตัวของเขา นิ้วของพนมลากไล้ขึ้นลงบดเบียดแทรกเข้าไปกระหวัดติ่งเสียวของน้องภรรยา ดุนไล้ กระซิก กระซิก ไม่หยุด สร้างความเสียวซ่านรัญจวนจนตัวสั่นกระตุกวาบๆ ร้องครวญครางไม่ขาดปาก

ขณะที่มือซ้ายยังจู่โจมลากไล้ไปตามร่องหลืบไม่หยุด มือขวาของพนมก็กำไปที่ชายกระโปรงยาวที่ถมทับอยู่ตรงเอวคอด ยกลากขึ้นไปตามลำตัวเล็กบางงามของน้องภรรยา ซึ่งปรีณาที่เสียวกระสันเต็มที่ก็แอ่นตัวบิดกายปล่อยให้พี่เขยถอดเสื้อนอน ตัวยาวออกไปจากทางศีรษะแต่โดยดี เผยให้เห็นเรือนกายที่ขาวผ่องผุดผาดเป็นประกายล้อแสงไฟ

ชายหนุ่มหอบหายใจถี่ถี่ ก้มหน้าลงซบไปบนเนินเนื้ออิ่มนุ่ม ที่มียกทรงกระชับสองเต้าอยู่ สอดลิ้นลากไล้ลงไปตรงร่องนม กรีดกระตุ้นต่อมความเสียว ทำให้ร่างแบบบางของปรีณาบิดไหวสุดๆ ด้วยความรัญจวนใจ แอ่นอกตูมตั้งกะเปาะงามขึ้นสู้ลิ้นของพี่เขย

"ซีดส์....ซีดส์....อา...พี่หนึ่งขา.........อาาาาาาาาาาาาาาา"
เด็กสาวครางครวญเสียงกระเส่า เมื่อพนมปลดตะขอยกทรงตัวน้อยหลุดออก และเครื่องปกปิดสองเต้าถูกปลดออกไป ก่อนที่ลิ้นอุ่นๆ ของชายหนุ่มจะวนเวียนดูดดื่มไปตามปลายถันสีชมพูระเรื่อซึ่งดีดตัวขึ้นแข็ง สู้ลิ้นของเขาอย่างสุดสยิว

พนมเองก็เสียวไม่แพ้น้องภรรยา อาวุธประจำกายแข็งตัวโป่งดันเป้ากางเกงออกมา จนปรีณาที่นั่งอยู่บนตักของพี่เขยรับรู้ท่อนเนื้อที่ดันตัวออกมาแทงสะโพกตน เอง

มือเล็กบางของเด็กสาวคลำเปะปะไปตามขอบกางเกงยืดของพนม ก่อนที่จะเหนี่ยวออก แล้วสอดมือเข้าไปกุมท่อนเอ็นที่แข็งตัวของพนมเอาไว้มั่น ถอกไปตามหัวบานของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วกระชั้นถี่

พนมครางอู้ออกมา ด้วยความเสียว ขนตามตัวลุกขึ้นชัน
"อูยยยย....อาวววว....บีจ๋า...."

ปรีณาหัวเราะออกมา สมใจที่ทำให้อีกฝ่ายเสียวบ้างได้ รีบเคลื่อนตัวลงไปคุกเข่าเบื้องหน้าของพี่เขย เหนี่ยวไปที่ขอบกางเกงขายาวพร้อมๆ กับขอบกางเกงใน ลากดึงลงไปกองที่ข้อเท้าของพนม ท่อนเอ็นที่แข็งตัวเต็มที่ก็ดีดผึงขึ้นมาสู้ใบหน้าอ่อนหวานน่ารักของเด็กสาว ทันที

พนมหลับตา เอนศีรษะพิงพนัก กัดฟันครางออกมา เมื่อปรีณากระชับไปที่อาวุธประจำกายเขา ถอกขึ้นลงอย่างนุ่มนวลเบามือ ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปจุ๊บเบาๆ ตรงหัวถอกบาน

"อูยยยยยยยยยยย...บี..เสียวจริง"
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก เพราะริมฝีปากงามที่จูบลงมาตรงร่องหยักของเขา ลิ้นนุ่มสีชมพูสดแลบเลียออกมาโลมไล้ไปตามกลีบเห็ด สร้างความเสียวสุดขีดให้กับพนมจนตัวบิดเกร็ง สองมือเอื้อมไปลูบคลำศีรษะสวยได้รูปซึ่งไว้ผมบ๊อบสั้นนั้น แอ่นสะโพกตัวเองขึ้นอย่างเสียวซ่านป้อนท่อนเนื้ออวบของตัวเองเข้าสู่ช่องปาก อันอบอุ่นของปรีณาที่อ้าออกรับเข้าไปดูดดื่ม เลียไล้ และหงกศีรษะเข้าออก รูดริมฝีปากนุ่มไปตามลำควยอย่างรู้งานว่าจะต้องกระตุ้นต่อมความเสียวให้กับ พี่เขยอย่างไร

ขนตามร่างกายของพนมลุกชูชันตามแรงกระตุ้นขับของความเสียวซ่านที่ปะทุขึ้นดุจ น้ำบ่าทำนบทลาย ชายหนุ่มขบฟัน ครางคราวญอย่างสุดเสียวหัวควย

"อาาาาาววววว...บีจ๋า...เสียววววว..พี่หนึ่งเสียวววว....โออยยยยยย...อูยยยยยยยยย"
พนมเด้งสะโพกตัวเองขึ้นรับสนับสนุนกับจังหวะหงกหัวของน้องภรรยา ซึ่งเร่งโม้กให้กับเขาอย่างเร่าร้อน ชายหนุ่มร้องดังๆ หายใจถี่ ถี่ ร่างกระตุกเฮือกๆ ส่งเสียงร้องออกมาดัง

"พี่จะถึงงงงแล้ววว...บี...บี...โอยยยย...โอยยยย..........อาาาาาาาาาาาาา"
ในที่สุดชายหนุ่มก็ถูกกระตุกความเสียวซ่านจะแตกสุดยอดไปด้วยฝีปากของน้อง ภรรยาแสนสวย พนมแอ่นสะโพกขึ้นๆ ลงๆ อย่างสุดสยิวตามติดไปพร้อมๆ กับกระฉูดน้ำกามเข้าไปสู่ช่องปากของปรีณา ซึ่งเด็กสาวไม่มีความรังเกียจใดๆ แม้แต่น้อยที่จะดูดดื่ม รีดน้ำกามที่กระปริดๆ ออกมาจากปลายถอก กลืนกินลงลำคอไปจนหมด แววตาจากดวงตากลมโตนั้นเป็นประกายแวววาวอย่างยั่วเย้าในอาการสปัสซั่มของพี่ เขย

พนมนั่งหอบอยู่กับเก้าอี้ทำงาน ขณะที่ปรีณาลุกขึ้นยืน จับจ้องมองไปยังพี่เขยด้วยแววตาที่หยาดเยิ้มนุ่มนวล และก้มลงถอดกางเกงในตัวน้อยของตนเองออกอย่างช้าๆ สายตาของชายหนุ่มจับจ้องมองไปยังท่วงท่าของน้องภรรยาแสนสวยอย่างหลงใหล ส่งเสียงครางออกมาในลำคอ

"บีจ๋า....อย่าทำร้ายพี่หนึ่งไปมากกว่านี้เลย..."
ควยที่เพิ่งพ่นน้ำกามไปหยกๆ เริ่มผงาดตั้งขึ้นอีก เมื่อขนละเอียดดำงามผืนปกคลุมเนินนูนสวยสดนั้นปรากฏขึ้นสู่สายตาของชายหนุ่ม พนมกลืนน้ำลายลงคอติดๆ กันอย่างยากลำบาก ขณะที่นั่งจ้องปรีณาที่ค่อยๆ แอ่นตัวแอบอิงเข้ามาราวกับนางแมวน้อยยั่วสวาท

อา..จะมีชายคนไหนที่หักห้ามใจไว้อยู่ได้ ถ้ามาเห็นเด็กสาวแสนสวยอย่างปรีณา ยั่วยวนด้วยท่วงทีเช่นนี้?

พนมก็ไม่มีข้อยกเว้น ในยามนั้นทั้งสมองและจิตใจของชายหนุ่ม ไม่คิดคำนึงถึงใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งภรรยาแสนรัก ตรงหน้าของเขามีเพียงแต่ความสวยสดงดงามแห่งวงหน้าและเรือนกายของน้องภรรยา ที่เคลื่อนเข้ามานั่งคร่อมบนตักของเขาเท่านั้น

ปรีณาโน้มศีรษะลงไปบรรจงจูบที่ริมฝีปากของพี่เขย ซึ่งอ้าออกรับราวกับต้องมนต์สะกด สองลิ้นของชายหนุ่มและเด็กสาวเกี่ยวกระหวัดรัดพันกันอย่างดูดดื่ม ท่ามกลางเสียงครางอย่างพึงใจของทั้งสอง พนมประคองสองเต้าตูมตั้งนั้นไว้ด้วยสองมือ ขยำวนไปบนก้อนเนื้ออ่อนหยุ่นนั้นอย่างละมุนมือ ปลายนิ้วเขี่ยวนไปที่ตรงยอดถัดที่แข็งตัวสู้นิ้ว กรีดกรายกระตุกต่อมความเสียวซ่านให้บังเกิดแก่ปรีณาจนขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว

เด็กสาวแหงนหน้าขึ้น หลับตาพริ้ม สูดปากอย่างสุดสยิว เมื่อพี่เขยเริ่มก้มศีรษะลงไปขบไล้ยอดนมของเธออย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม สองแขนบอบบางของเด็กสาวเกี่ยวกระหวัดไปรอบคอของพี่เขยแน่น ส่ายสะโพกผายนุ่มนิ่มบดเบียดไปกับหน้าตักของชายหนุ่ม ซึ่งแสดงอาการตอบสนองท่วงท่านั้นด้วยท่อนเนื้อที่แข็งปั๋ง ดีดผึงไปถูไถตรงผืนนาอันอ่อนนุ่มด้วยขนละเอียดดำนั้น

ปรีณาใบหน้าแดงก่ำด้วยความรัญจวนใจ ร่องสวรรค์ที่ตอนนี้เปิดอ้าออกเต็มที่ พร้อมพรักที่จะรับรองอาคันตุกะผู้มาเยือนที่พยายามส่ายหัวคลำทางสอดใส่เข้า มา

พนมครางอู้ ด้วยความสุดสยิว หมดความอดทนที่จะอัดอั้นความปรารถนาอีกต่อไป รีบใช้มือกุมลำควยตนเอง ช่วยจับประคองจ่อเข้าไปสู่ห้องหออันอบอุ่นที่กำลังเปิดอ้ารับอยู่ด้วยมือ สั่นสะท้าน

ทันทีที่หัวถอกบานบดไปกับกลีมแคมขาวใสที่เอ่อชุ่มชื้นไปด้วยน้ำสวรรค์ ปรีณาก็บดเบียดสะโพกผายของตนเองเข้าหาลำควยอวบอัดของพี่เขยทันที

วงหน้างามอ่อนหวานนั้น แหงนขึ้นครางครวญ เมื่อลำควยอวบครูดผ่านช่องผนังอันอ่อนนุ่มของตนเองเข้ามาช้าๆ แต่หนักแน่น

"ซีดส์....ซีดส์......อาาาาาาาาา....อูยยยยยยยยยยย"
เสียงครางของพี่เขยและน้องภรรยาดังประสานขึ้นอย่างเสียวซ่านรัญจวนใจ ร่างแบบบางหยุดชะงักลงเล็กน้อยก็ขย่มลงไป ร่องสวรรค์อันสาวสดดูดรัดอาวุธอันอวบแข็งเข้าไปตอดรัดอย่างแนบแน่น ขณะที่สะโพกแข็งแรงของชายหนุ่มเริ่มกระเด้าสวนขึ้นรับได้จังหวะจะโคนซึ่งกัน และกัน

สองมือของปรีณากำไปที่บ่าของพนมแนบแน่น หลังจากที่จังหวะข่มและเด้งรับประสานกันจนยังผลให้อาวุธประจำกายของชายหนุ่ม มิดหายเข้าไปในร่างของเด็กสาวจนหมดด้าม

และเมื่อสองมืออันแข็งแรงของพนมเริ่มตวัดไปกระชับที่เอวคอดกิ่วของน้องภรรยา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มกระเด้าอัดลำควยครูดทะลวงไปตามโพรงหีอันอ่อนนุ่ม ตอดกระชับ ปรีณาก็ส่ายศีรษะที่ไว้ผมบ๊อบสั้นไปมาอย่างสุดสยิว ร่ำร้องครวญครางออกมาไม่ขาดปาก ร่างเล็กบางกระตุกขย่มรับกับจังหวะเด้งควยของพี่เขย เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมห้องทำงาน
"อาาาา...อูยยยยยยยยย....อาววววววววววง......อาาาาาาาาาาา"

พนมเด้งควยอย่างคึกคักเข้มแข็ง ปากก็ไว้ว่างเว้นจากการก้มไปดูดดื่มโลมเลียปลายถันอันหอมหวานของน้องภรรยา อย่างอร่อยลิ้ม ลำควยที่อวบอัดของเขาครูดไปตามผนังอันอ่อนนุ่ม บดเสียวไปกับติ่งแตดของเด็กสาว ซึ่งร่างแบบบางนั้นบิดไหวส่ายระริก อาการกระตุกวาบๆ นั้นค่อยๆ เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงขับของความกระสันซ่านที่เสียวสะท้านพลวยพลุ่งขึ้นไปจนจับจิต

ปรีณาหลับตาพริ้ม เสียงครางของเธอเริ่มหนักขึ้นๆ ส่ายศีรษะไปมา พร้อมส่งเสียงสะท้าน
"พี่หนึ่งขา...บีเสียววววว..จะถึงแล้ว...เร็วๆ...เร็วๆ..........อาาาาาาาาาาาาาา"

ร่างเล็กบางเร่งจังหวะขย่มควยเขาลงมาถี่ถี่ พนมก็ไม่ทำให้น้องภรรยาผิดหวังแต่อย่างใด กระชับสองมือไปบนเอวคอดกิ่วแนบแน่น เกร็งกำลังทั้งสะโพกและช่วงต้นขา เด้งควยสอดกระชับกระแทกรับเข้าใส่อย่างเร่าร้อนรุนแรงไม่ยอมน้อยหน้าแม้แต่ น้อย

จนในที่สุดชายหนุ่มก็รับรู้ถึงการขมิบตอดรัดอย่างแนบแน่นของร่องหีที่ตน เองกระเด้าอัดอยู่ เพรียวขาเรียวงามทั้งคู่ที่กางคร่อมตักเขาอยู่ก็บีบกระชับเข้าหากัน ก่อนที่ร่างเล็กแบบบางที่เร่งขย่มลงมานั้นจะกระตุกเฮือก ๆ พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของน้องภรรยาที่ดังลั่นห้อง
"อาาาาาาาาาาาา........อ๊าาาาาาาาาาาาา......อ๊าาาาาาาาาาาา"

พนมเหงื่อแตกโทรมไปทั้งร่าง ขณะที่ไม่ยอมชะงักจังหวะการเด้งควยลงไปแม้แต่น้อย ชายหนุ่มส่ายสะโพกบดควยคลึงแนบเสียดสีไปกับติ่งแตดของน้องภรรยา ซึ่งบรรลุถึงประตูสวรรค์ชั้นเจ็ดไปเรียบร้อย ตามติดส่งมอบความเสียวสยิวต่อเนื่องให้กับปรีณาอย่างเต็มอิ่ม วงหน้าอ่อนหวานน่ารักนั้นเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบในความเสียวซ่านรัญจวนใจที่ ถูกพี่เคยปรนเปรอให้

จวบจนความรู้สึกอันเร่าร้อนเจือจางลง ร่างเล็กบางนั้นก็หอบฟุบทิ้งกายลงแนบไปกับลำตัวของพี่เขย ขณะที่สองเพรียวขายังกางคร่อมลำควยอวบอยู่ไม่คลาย

พนมหยุดยั้งการกระเด้าเอาไว้ชั่วคราว โอบร่างบอบบางเนียนนุ่มที่อาบไล้ไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาแทบทุกขุม ขนเอาไว้กับตัวแน่น บดขยี้ริมฝีปากจูบประทับไปกับริมฝีปากงามที่เผยอรับอย่างดูดดื่ม
"พี่หนึ่ง...มีความสุขเหลือเกิน น้องบีจ๋า"
พนมส่งเสียงกระซิบพึมพำให้ ซึ่งน้องภรรยาแสนสวยของเขาก็กระซิบตอบรับแผ่วหวาน
"บีก็เช่นกันค่ะ..."

แววตาของพนมแพรวพราวด้วยความสุข ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็เกร็งกำลังยกตัวร่างเล็กบางของน้องภรรยาขึ้น ปรีณาส่งเสียงหวีดร้องอุทานอย่างตกใจ สองเพรียวขาตวัดรัดไปที่สะโพกของพี่เขย ซึ่งลำควยแข็งนั้นยังคงคาสอดอยู่ในร่างของเธอ
"พี่หนึ่ง....อาาาาาาาาาาา..."
ปรีณาครางครวญออกมา เมื่อร่างของเธอที่ถูกพี่เขยรั้งอุ้มอยู่นั้น ทิ้งน้ำหนักลงไปบนลำควยของแหวกทวนทะลวงลึกเข้ามาอีก ใบหน้าอ่อนหวานเหยเก ด้วยความสุดเสียว

พนมอุ้มร่างเล็กบางที่สำหรับเขาช่างเบาหวิวเสียนี่กระไร เดินไปประชิดผนัง กดร่างเล็กบางนั้นแนบไปกับกำแพง ซึ่งปรีณารู้สึกลำควยของพี่เขยทะลวงลึกเข้ามาอย่างสุดๆ ต้องส่งเสียงครางครวญออกมาไม่ขาดปาก สองขาเพรียวที่ถูกพนมเกี่ยวรั้งตรงบริเวณขาอ่อนด้านหลัง สอดเกี่ยวกระหวัดไปที่สะโพกของชายหนุ่ม สองแขนก็ขยุ้มรั้งไปบนบ่าเป็นการพยุงตัวอีกแรงหนึ่ง

ชายหนุ่มยิ้มละไม เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนหวานน่ารักนั้นเสียวสุดๆ กระซิบเสียงหวาน
"พี่หนึ่งเริ่มล่ะนะ..."
ปรีณาหลับตาปี๋ กอดตัวพี่เขยเอาไว้แน่น ขณะที่สะโพกแข็งแรงของพนมเริ่มทำหน้าที่กระเด้าควยอัดทะลวงร่องหีสาวสดแน่น ฟิตของน้องภรรยาอย่างเร่าร้อน รุนแรง ลำควยที่อวบหนาบดควงเป็นวงเสียดสีไปกับร่องเสียวของเด็กสาวอย่างสุดๆ สร้างความเสียวซ่านให้เกิดทั้งแก่เขาเองและปรีณาจนเหลือประมาณ ชายหนุ่มและเด็กสาวร้องเสียงหลง ครางกระเส่าดังแข่งกันลั่นห้อง
"อาาาา.....อาาาาาา.....อาววววววว...อูยยยยยยยยยยยยย...โอยยยยยยยยยยย"

เนื่องเพราะชายหนุ่มถูกน้องภรรยาดูดน้ำกามไปรอบหนึ่ง เขาจึงคุมเกมการกระเด้าสังวาสเอาไว้ได้ ไม่ถึงที่ไปซะก่อน ถึงแม้ควยอวบจะทำงานราวกับลูกสูบ เคลื่อนเข้าออกครูดผ่านร่องเสียวที่กระชับฟิตนั้นอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย กว่าสิบนาที ขณะที่ปรีณาที่เสียวสุดขีด ร่างเล็กบางนั้นกระตุกเฮือกๆ ขึ้นอย่างไม่มีปัญญารั้งเอาไว้ได้ สองมือกำแน่นตรงบ่าของพี่เขย จิกเล็บลงไปพร้อมกับ ขมิบร่องหีตอดรัดกระชับไปกับลำควยทีทะลวงลึกเข้ามา แหงนร้องออกมาสุดเสียง
"อาาาาาา......พี่หนึ่งง...........บีจะถึงอีกแล้ววววว....อ๊าาาาาาาาาา"

พนมเร่งเครื่องกระเด้าอัดยกใหญ่ หน้าท้องของชายหนุ่มที่ต้องใช้กำลังพอสมควรกับท่านนี้เกร็งขึ้นลูกอย่างน่า ดู ยามอัดควยเข้าไปเต็มๆ โหนกควยนั้นอัดกระทบเนินนูนของเด็กสาวดังพั่บ พั่บ สองแก้มก้นที่อวบหนาแข็งแรงก็ปอดเข้าปอดออก ส่งพลังทั้งหมดถ่ายเข้าสู่ลำควยโถมกระแทกเย็ด เบิกประตูสวรรค์พาน้องภรรยาที่เสียวสุดขีด ทะลักจุดสุดยอด ร่างส่ายกระตุกวาบๆ ส่งเสียงครางออกมาสุดๆ
"อ๊าาาาาาาาาา....อ๊าาาาาาาาา...ถึงแล้ว..ถึงแล้วววววววค่ะ..."

พนมหัวเราะเสียงกระเส่า ส่งแรงกระเด้าต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงความเสียวซ่านให้คุกกรุ่นภายในกายของ น้องภรรยาต่อไป ซึ่งยังผลให้ร่างแบบบางนั้นสะท้านเฮือกๆ เป็นจังหวะตามแรงกระแทกของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะพลิกตัวกลับ อุ้มร่างแบบบางของน้องภรรยากลับไปวางลงบนเก้าอี้ทำงานแทน และทาทาบตัวลงไปตามติด เพรียวขางามนั้นถูกเขาจับรั้งขึ้นตรงบริเวณข้อพับด้านหลังหัวเข่า

ปรีณาครางอู้อย่างเสียวสยิว เมื่อควยอวบของพี่เขยเริ่มทำงานโดยการกระเด้าเข้าๆ ออกๆ ทะลวงครูดบดเบียดไปกับช่องโพรงหีของตัวเธออีกระลอก เสียงพั่บพั่บ เมื่อต้นขาแข็งแรงของเขา อัดกระแทกเข้ามาตามแก้มก้นที่ถูกดึงรั้งให้หงายรับ

อีกพักเดียว ความเสียวซ่านระลอกใหม่ก็ปะทุขึ้นในร่างของปรีณา เด็กสาวแหงนหน้าคราง แอ่นสะโพกผายขึ้นเสนอสนองการกระเด้าอัดของพี่เขยอย่างเร่าร้อนรัญจวนใจ

"อูยยยยยยย........อาาาาาาาาาาา.......อาาวววววว"
เสียงครางของทั้งสองดังประสานขึ้นอย่างยาวนาน ภายใต้เพลิงสวาทที่เร่าร้อนห่อหุ้มบุคคลทั้งสองให้แทบหลอมละลายกันเป็นร่าง เดียว ในที่สุดทั้งพนมและปรีณาก็ถึงจุดสุดยอด สู่ประตูสวรรค์ไปอย่างพร้อมเพรียงกันบนเก้าอี้ทำงานของชายหนุ่มในท่านั้นเอง

ปรีณานั่งแบบอยู่เก้าอี้หนานุ่มนั้น หอบหายใจระทดระทวยรวยริน เหนื่อยจนแทบจะขาดใจ แต่สีหน้านั้นเปี่ยมด้วยความสุข ซึ่งพนมเองก็มีทีท่าไม่ต่างกันสักเท่าใด

จากนั้นแป๊บเดียว ปรีณาก็อุทานออกมาคำหนึ่ง เมื่อพนมอุ้มร่างเปลือยเปล่าของเธอขึ้นมาราวกับเป็นเด็กๆ พาเดินออกไปนอกห้อง

"เดี๋ยวค่ะ..พี่หนึ่ง..ชุดนอนบีอยู่ในห้อง ....."
เด็กสาวหน้าแดงด้วยความอาย รู้สึกโหวงๆ อย่างไรพิกล ที่ถูกพี่เขยอุ้มร่างเปลือยเดินอยู่ในบ้านเช่นนี้ พนมหัวเราะเสียงดัง
"ไม่เห็นเป็นไร เพราะคืนนี้พี่หนึ่งขอนอนกอดบีอย่างงี้แหล่ะ ทั้งคืนเลย..จะบอกให้"
ชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบอย่างมันเขี้ยว ปรีณาครางออกมาอย่างคำหนึ่ง ยกมือทุบอกพี่เขยอย่างสุดอาย

ก่อนที่พนมจะอุ้มร่างงามอันเปลือยเปล่าของน้องภรรยา เดินขึ้นบันไดตรงไปสู่ห้องนอนของเขา.........

.................................................................

การประชุมเกี่ยวกับการขยายงานในเฟตใหม่เป็นไปด้วยดี เรียบร้อยสมประสงค์อย่างที่พนมตั้งใจเอาไว้ทุกประการ

หลังจากการประชุมแล้ว ชายหนุ่มมองดูเวลา พบว่าเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงแล้ว พนมหยิบโทรศัพท์โทรไปที่บ้านแต่หลังจากฟังเสียงสัญญาณดังติดต่อกัน แต่ก็ไม่ปรากฏการรับสายแต่อย่างใด

พนมขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะบ่นพึมพำกับตนเอง
"เด็กดื้อจริงๆ ไม่รู้จะห่วงเรียนไปถึงไหน...เราอุตส่าห์กำชับกำชาบอกให้นอนพักอยู่กับบ้านอีกวันหนึ่งแล้วเชียว"
เขาคิดไปว่าปรีณาไม่อยู่บ้านเช่นนี้ คงไม่พ้นจะไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแน่ ความจริงชายหนุ่มตั้งใจจะชวนน้องภรรยาไปหาอะไรทานนอกบ้านก็เลยเปลี่ยนใจ

ทีแรกพนมคิดว่าจะอยู่ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วค่อยกลับไปหาปรีณาตอนเย็น แต่หลังจากนั่งทำงานไปสักพักหนึ่ง ความรู้สึกทุรนทุราย ความต้องการที่จะได้เห็นหน้าน้องภรรยาอย่างรุนแรง ก็ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ออกจากบริษัทขับรถตรงไปที่โรงเรียนของปรีณา

ระหว่างขับรถไปยังจุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มอดนึกสะท้อนใจไม่ได้ สภาพของเขาตอนนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับสมัยที่คบหากับปาริฉัตรในรั้วมหาวิทยาลัย

ในตอนนั้น บ่อยครั้ง มิใช่เขาทุรุนทุราย จนกระทั่งต้องดิ้นรนไปหาปาริฉัตรที่คณะสถาปัตย์ อย่างน้อยเพื่อจะให้ได้เห็นหน้ากันสักแว่บหนึ่งก็พอใจกระนั้นหรือ?

เมื่อยามใดที่เขาอยู่กับตัวเอง ภาพของภรรยาอันเป็นที่รักนั้นคอยแต่จะผุดขึ้นมาก่อกวน ติเตียน มโนธรรมของเขาอยู่ร่ำไป

ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าผิด ชายหนุ่มที่นั่งขับรถด้วยจิตใจอันว้าวุ่น ก็หมดปัญญาที่จะหาทางออกให้กับปมปัญหาที่ยุ่งเหยิงนี้ได้

แต่ทว่าเมื่อชายหนุ่มไปถึงโรงเรียนที่ปรีณาเรียนอยู่ และทราบความจริงว่าวันนี้เด็กสาวไม่ได้มาเรียน ในใจของพนมก็เร่าร้อนราวกับถูกไฟเผาผลาญ

เขารีบโทรติดต่อไปยังมือถือของปรีณาก็ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่เปิดเครื่องรับ ยิ่งสร้างความเร่าร้อนกระวนกระวายใจให้เกิดแก่พนมเป็นเท่าทวีคูณ ขณะที่ชายหนุ่มเร่งเครื่องขับรถกลับบ้านด้วยความเร็วสูง

ทันทีที่ขับรถบบรลุมาถึงหน้าประตูบ้าน พนมก็เบิกตากว้างอย่างตื่นตกใจ เมื่อพบเห็นว่าประตูเล็กหน้าบ้านเป็นเหล็กดัดหน้าบ้านมีรอยงัดแงะเข้าไป

ความเร่าร้อนเป็นห่วงในความปลอดภัยของน้องภรรยา ทำให้พนมไม่คำนึงอะไรมากความ วิ่งปราดเข้าไปในบ้านอย่างร้อนใจ

พนมใจหายวาบ เมื่อเห็นภายในบ้านนั้นมีร่องรอยรื้อค้นของโจรงัดแงะ จนข้าวของเครื่องใช้กระจุยกระจายไปทั่วบ้าน

ขณะที่ชายหนุ่มหันรี หันขวางอย่างตื่นตะลึง ไม่ทันระวังตัว ของหนักๆ อย่างหนึ่งก็กระแทกเข้ามาที่ท้ายทอยอย่างแรง

พนมร้องครางออกมาหนักๆ ร่างของเขาทรุดฮวบไปกับพื้นโดยพลัน!!!!

รถเก๋งสีดำคันเล็กกระทัดรัดที่วิ่งไปตามถนนเพชรเกษมด้วยความเร็วพอประมาณคันนั้น ดึงดูดสายตาของรถคันแล้วคันเล่าที่วิ่งผ่านไป
แต่ทว่าจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจต่อทุกผู้คนที่โดยสารรถผ่านไปนั้นหาใช่ รุ่นของรถเก๋งเต่าทองซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ คันงามบอกฐานะของเจ้าของเลยแม้แต่น้อยนิด
ทุกสายตาที่แลผ่านมาโดยไม่ตั้งใจนั้น ถึงแม้ในขณะแรกอาจจะสะดุดตากับตัวรถคันงาม แต่ทว่าหลังจากมองผ่านเข้าไปภายในแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เพ่งมองเข้าไปหาเด็กสาวสองคนที่นั่งอยู่ภายในโดยทั้งหมด ทั้งสิ้น
เพียงแต่เด็กสาวที่ทำหน้าที่ขับรถนั้นก็สวยสดสะดุดตาอยู่แล้ว แต่ทุกคนที่มองผ่านมานั้น แทบทั้งหมด วนเวียนเหลือบแลไปยังเด็กสาวผมสั้นที่นั่งเคียงคู่ด้านคนขับอยู่อย่างไม่ คลาดคลา
ถึงแม้วงหน้าที่งามงดนั้นปราศจากริ้วรอยอันแจ่มใสให้สมกับวัยประหนึ่งกุหลาบ แรกผลิ แต่ทว่าดวงตาดำขลับกลมโตที่ฉาบประกายเศร้าซึมลึกนั้นราวกับเป็นแม่เหล็กดึง ดูดทุกคนให้จับตามองไป ไม่เว้นแม้แต่สตรีเพศเดียวกัน ความคิดที่แว่บขึ้นในใจของคนที่จับจ้องมองมานั้น เก้าในสิบ เหมือนกันราวกับนัดกันไว้
สวยเหลือเกิน...
ในขณะที่เด็กสาวซึ่งตกเป็นเป้าสายตาของคนที่ขับรถผ่านไปนั้น อยู่ในภวังค์ความคิดส่วนตัว เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างไร้จุดหมาย ปราศจากการรับรู้แม้แต่น้อยนิดว่าตนเองถูกจับจ้องมาแทบตลอดเส้นทาง
ตรงกันข้ามกับเด็กสาวอีกผู้หนึ่งซึ่งแม้จะเป็นผู้ขับรถ ก็ยังรับทราบถึงความเป็นไปภายนอก
ความเคยชินที่ตนเองเคยรับรู้เมื่อมีคนจับจ้องมาเสมอๆ ทำให้เด็กสาวคนขับภาคภูมิใจในตนเองตลอดมา
แต่วันนี้สายตาของคนเหล่านั้นมองผ่านเธอไปราวกับไม่มีตัวตน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีความรู้สึกอิจฉาริษยาในตัวของเด็กสาวที่นั่งเคียงข้างแม้แต่น้อยนิด เพราะแม้กระทั่งเธอก็อดที่จะเหลือบมองไปยังวงหน้าแสนน่ารักนั้นอยู่บ่อย ครั้งไม่ได้
ผิวหน้าที่บางใสที่ขาวซีดบ่งบอกถึงสภาพความในใจนั้นสร้างความรู้สึกให้กับ ผู้ที่จับจ้องมองไปนั้นเกิดความรู้สึกอยากจะปลอบทะนุถนอมเจ้าของวงหน้านั้น ให้อบอุ่นอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดาวถอนหายใจอยู่บ่อยครั้ง เมื่อนึกไปถึงเพียงเหตุการณ์ที่เธอหลอกล่อปรีณาไปให้นายสอนกับบิดาทำอนาจาร รวมไปถึงเรื่องที่เธอร่วมมือกับเริงชัยสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในครอบ ครัวของพี่สาวของอีกฝ่าย เด็กสาวตระหนักดีว่าตนเองเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่พรากความสดใสน่ารักไปจาก วงหน้างามจับตาเบื้องข้างนี้
แต่ในความเป็นจริงนั้นมันมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้นที่ทำให้ปรีณารู้สึกเศร้า ลึกไปสุดจิตใจ ความลับที่ดาวไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้เท่านั้น
เด็กสาวแสนสวยนั้นรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เธอถลำตัวกระทำลงไป ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นผู้จุดชนวนเริ่มนั้น เป็นสิ่งที่ผิดแค่ไหนต่อพี่สาวผู้เป็นที่รักยิ่งของตัวเธอ
การเดินทางลงไปที่หัวหินครั้งนี้ ปรีณาหมายจะทำทุกวิถีทางเพื่อไถ่ถอนตัวเองให้หลุดพ้นจากมโนธรรมที่ติเตียนตัวเธอเองแทบทุกชั่วลมหายใจ
เธอจะต้องทำให้พี่สาวกับพี่เขยกลับมาคืนดีกันให้ได้ ถึงแม้ในใจของปรีณาจะปวดแปลบทุกครั้งที่รู้ว่านับจากนั้นตนเองจะไม่ได้รับ ความอบอุ่นจากอ้อมอกกว้างแข็งแรงนั้นอีกต่อไป...
อา..รักแรกของชีวิตสาว เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนอยู่แล้ว อย่าว่าแต่สิ่งที่ปรีณาผูกพันของพี่เขยของเธอมันลึกซึ้งยิ่งไปกว่าแค่ความ รู้สึกแห่งรักนั้นหลายเท่านัก
ความรู้สึกสับสน อัดอั้น วุ่นวายพลุ่งพล่านอยู่ภายในห้วงคำนึงของปรีณา จนทำให้เธอปล่อยตัวให้ตกอยู่ในภวังค์ล่องลอยไปไกล
ดาวเองก็มีความในใจไม่แพ้กัน ครุ่นคิดหนักว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทำให้นับแต่เริ่มออกเดินทางมาเพียงแค่ทักทายกันไม่กี่คำ ทั้งสองก็นั่งกันมาเงียบๆ ตลอดทาง
จนกระทั่งดาวขับรถเกือบจะเข้าตัวเมืองปราณบุรี เด็กสาวมองไปที่นาฬิกาพบว่าเกือบเที่ยงแล้ว จึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเป็นครั้งแรก
"ใกล้เที่ยงแล้ว บีหิวไหม?"
ปรีณาที่ยังคงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่ายศีรษะช้าๆ ส่งเสียงพึมพำ
"บีไม่หิวจ้ะ.."
ด้วยนิสัยที่เกรงใจและโอบอ้อมอารีเป็นนิสัย ทำให้เธอหันกลับมากล่าวกับดาว
"แต่ถ้าดาวหิว เราก็แวะหาอะไรรับประทานก็ได้นะ.."
ดาวส่ายศีรษะ
"ดาวก็ไม่ค่อยหิวหรอก แต่อย่างไรก็ตามดาวว่าเราแวะหาอาหารเที่ยงรับประทานก็ดีเหมือน เพราะเรามีเรื่องต้องหารือกันพอสมควร.."
ปรีณาผงกศีรษะเห็นพ้อง เด็กสาวรวบรวมสติที่เผลอไผลไปกับความคิดวุ่นวายสับสนนั้นให้กลับมา จริงสิ เธอมีเรื่องที่จะต้องเตรียมพร้อมพอสมควร เพราะการตัดสินใจมาครั้งนี้เป็นเรื่องที่กระทันหันไม่เคยได้วางแผนมาก่อนเลย ว่ามาถึงแล้วจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ดาวเบี่ยงรถเข้าไปในบริเวณตัวเมืองปราณบุรี ทีแรกเด็กสาวตั้งใจจะแวะไปยังร้านอาหารที่คุ้นเคย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าการปรากฏตัวของพวกเธอทั้งสองคนนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้จะ ต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เห็น เด็กสาวจึงเปลี่ยนใจเป็นแวะเข้าร้านฟาสต์ฟู๊ดเพื่อซื้ออาหารกล่องทานแทนแต่ ถึงกระนั้นในร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดแห่งนั้น สายตาของคนแทบทุกคู่ก็วนเวียนไปยังดาวกับปรีณา นับตั้งแต่เธอย่างก้าวเข้าไปในร้าน
หลังจากรีบสั่งของ จ่ายเงินแล้ว เด็กสาวทั้งสองก็กลับไปที่รถ ก่อนที่ดาวจะขับออกไปหาที่มุมเงียบๆ ในสวนแห่งหนึ่ง
เพราะความในใจอันหนักอึ้งทับถมคนทั้งสอง ทำให้ดาวกับปรีณาฝืนใจกินไปได้หน่อยเดียว ต่างก็พับกล่องเก็บกลับเข้าถุง ก่อนที่จะนั่งกันเงียบๆ ไปอีกพักหนึ่ง ดาวก็เอ่ยขึ้นว่า
"ดาว...ดาวต้องขอขอบคุณบีอีกครั้งนะ ที่ไม่ถือโทษโกรธในความผิดอันเลวร้ายที่ดาวได้กระทำไป"
ปรีณาหันไปกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ
"บีเชื่อว่าบีดูไม่ผิดจ้ะ จริงๆ แล้วดาวไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดดาวไม่ใช่คนก่อเหตุ"
ดาวน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ เนื่องด้วยรู้ดีกับตัวเองว่าไม่ได้ถึงกับเป็นคนที่มีใจบริสุทธิ์อย่างที่อีก ฝ่ายคิด แต่ปรีณาพูดถูกในแง่นึง เธอไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน เรื่องนี้ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนแกมบังคับจากเริงชัย เธอก็คงไม่กระทำไปเช่นนั้น
เด็กสาวถอนหายใจยาว จ้องไปยังดวงตากลมโตสวยซึ้งคู่นั้นของคู่สนทนา แล้วกล่าวช้าๆ
"ดาวไม่ใช่คนดีอย่างที่บีคิดหรอกจ้ะ ถ้าดาวเป็นคนดีได้ถึงครึ่งอย่างที่บีเป็น ไม่ใช่...คนเห็นแก่ตัวอย่างที่เป็นอยู่นี้ ถึงแม้คุณอาเริงชัยจะขู่ยังไง ดาวก็ต้องไม่ประพฤติตัวเช่นนั้น..."
เธอหยุดไปเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ
"บีอาจจะสงสัยอยู่ในใจ...ดาวก็ขอบอกตามตรงว่าดาวนั้นเป็นเมียเก็บลับๆ ของคุณอาเริงชัยเอง เขาเลี้ยงดูให้เงินทองใช้สอย มอบความสุขสบายทุกอย่างให้ ถ้าสูญเสียทุกอย่างไป ดาวก็คงทนไม่ได้ ถึงทำให้ดาวต้องเชื่อฟังคำของเขาทุกอย่าง..."
ปรีณาเอื้อมมือไปกุมมือของดาวเอาไว้ด้วยความรู้สงสารที่ท่วมท้นขึ้นในใจของเธอ ขณะที่เด็กสาวกร้านโลกีย์กล่าวต่อด้วยความสะทกสะท้อนใจ
"ราวสองปีตอนนั้นแม่ของดาวป่วยหนัก ขณะที่คุณพ่อของดาวเสียชีวิตไปตั้งแต่ดาวยังเด็ก ถึงแม้ดาวจะทำงานอย่างหนัก แต่ค่าใช้จ่ายที่แม่ต้องใช้รักษาพยาบาลนั้นมันมากเกินกว่าที่ดาวจะมีปัญญาหา มาได้ ตอนนั้นพอดีดาวไปทำงานพิเศษเป็นพนักงานต้อนรับที่งานสัมมนาแห่งหนึ่ง ได้พบกับคุณอาเริงชัย..."
เด็กสาวเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง หวนระลึกถึงความหลังที่เธอไม่เคยปริปากเล่าให้ใครฟังมาก่อนแม้แต่มารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว
"คุณอาเริงชัยเขาสนใจดาว...สนใจอย่างไรบีคงเดาได้ไม่ยากนะ...ดาวตอนนั้นไม่ มีทางออกอะไรอื่นนอกจากจะตอบรับคุณอาเริงชัย..ได้เงินมาใช้สอยรักษาพยาบาล แม่ โดยที่ดาวโกหกว่าได้เงินพิเศษมาจากงานพิเศษ.."
ดาวน้ำตาคลอ เสียงสั้นสะท้านมาจากความรู้สึกส่วนลึกในใจ
"แต่ไม่ว่าอย่างไร..โรคร้ายนั้นก็พรากคนที่ดาวรัก และรักดาวอย่างจริงใจเป็นคนสุดท้ายไปจากดาวจนได้...หลังจากนั้นดาวก็มีความ คิดที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองมาโดยตลอด..."
ปรีณาน้ำตาคลอด้วยความสงสาร บีบมืออีกฝ่ายแน่นกล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจด้วยใจจริง
"ถ้าดาวไม่รังเกียจบี บีจะขอเป็นเพื่อนดาวนะ..ดาวไม่ต้องคิดอีกต่อไปนะว่าดาวไม่มีใครอีก บีจะรักและอยู่เคียงข้างดาวตลอดไป เชื่อบีเถอะนะ"
ดาวนิ่งขึงไปอึดใจหนึ่ง น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เป็นครั้งแรกหลังจากที่เธอร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อมารดาของเธอลาลับไป แววตาที่ตื้นตันใจนั้นปรากฏแววตัดใจอย่างเด็ดเดี่ยว เด็กสาวยิ้มออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงสะท้อนความในใจ พร้อมกับบีบมือตอบปรีณาอย่างหนักแน่น
"ดาวขอบใจบีมาก ดาวจะทำให้พี่เอของบีกลับไปคืนดีกับพี่พนมให้จงได้ ดาวจะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสิ่งที่ดาวทำผิดพลาดลงไปแล้วไม่ว่าการกระทำนั้น จะเป็นการขัดแย้งกับคุณอาเริงชัยสักเพียงใด"
ปรีณายิ้มทั้งน้ำตา เด็กสาวทั้งสองที่ฝ่ายหนึ่งพร้อมที่จะให้อภัยทุกสิ่งกับอีกฝ่ายหนึ่งที่มุ่ง มั่นจะกลับตัวกลับใจบังเกิดความรู้สึกแห่งมิตรผูกพันกันอย่างแนบแน่น ผลัดกันใช้นิ้วปาดคราบน้ำตาให้กันและกันอย่างแผ่วเบานุ่มนวล ก่อนที่จะยิ้มให้แก่กันอบอุ่น

...................................................

ท่ามกลางความเจ็บปวดที่รุมเร้าเข้ามาอย่างมากมาย พนมได้ยินเสียงแว่วๆ ดังอยู่ใกล้หู
ชายหนุ่มพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างลำบากยากเย็น ความระบมที่ท้ายทอยนั้นรุนแรงจนเขารู้สึกราวกับสมองจะเบิดเป็นเสี่ยงๆ
"คุณหนึ่งคะ..คุณหนึ่งเป็นยังไงบ้างคะ.."
เสียงนั้นเร่งเร้ามาอีก พนมส่งเสียงครางออกมาอย่างเจ็บปวด ขณะที่สายตาที่พร่ามัวนั้นเริ่มปรับชัดขึ้น คนที่ยื่นหน้าเข้ามาไถ่ถามอย่างห่วงใยนั้นเป็นผู้หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนจะรู้จักดีมาก่อน แต่พอจะขยับปากจะทัก ชายหนุ่มก็ชะงัก
เธอเป็นใคร?
และในวินาทีที่ถัดมา พนมก็ตัวเย็นเฉียบ ยกมือกุมศีรษะแน่น ทั้งเจ็บ ทั้งสับสน
ผู้หญิงกลางคนนั้นเขย่าที่ไหล่เขาเบาๆ เป็นการกระตุ้นสติ พร้อมกับส่งเสียงถามมาอีก
"คุณหนึ่งคะ...คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?"
พนมมองหน้าผู้หญิงคนนั้นตาค้าง คำถามที่ผุดประดังขึ้นมาอย่างสับสนกับตนเอง
เขาคือใคร???????

.............................................

นายสอนที่ขับรถมาตลอดคืน บรรลุถึงรีสอร์ทหรู ที่พักของเริงชัยในวันถัดมา
ทันทีที่คนขับรถจอมเจ้าเล่ห์แลเห็นใบหน้าของเจ้านายตนเอง ก็แน่ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่กับอีกฝ่าย เพราะมีไม่กี่ครั้งที่เขาจะเห็นเริงชัยมีสภาพที่หมองคล้ำเช่นนี้
ที่แน่ๆ หลังจากที่เจ้านายของเขาตั้งตัวเป็นหลักเป็นฐานมานานนับสิบปี นายสอนไม่เคยเห็นเริงชัยในสภาพนี้มาก่อนเลย
หลังจากที่นายสอนนั่งฟังเรื่องราวที่เริงชัยเล่าให้ฟังคร่าวๆ แล้ว ใบหน้าของคนขับรถคนสนิทของเริงชัยก็คิดหนัก
"เรื่องนี้คงไม่ง่ายนัก นายคงทำอะไรผลีผลามไม่ได้"
เริงชัยกระดกเบียร์เข้าปาก แค่นคำรามในลำคอ ส่งเสียงเครียด
"เออ กูรู้ ไม่งั้นกูจะตามมึงมาเพื่อปรึกษาเรอะ..."
คนขับรถจอมเจ้าเล่ห์ กลอกตาไปมา นิ่งไปชั่วขณะหนึ่งก็กล่าวต่อ
"เรื่องอย่างนี้ละเอียดอ่อนครับนาย ทางฝ่ายนั้นก็คนมีชื่อเสียง พวกเรามีหนทางเล่นด้วยไม่ยาก..."
"มึงว่าไป...กูฟังอยู่"
นายสอนลูบคางตนเองพลางว่า
"ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเฝ้าจับตาดูไปก่อน ผมเชื่อมั่นว่าคุณหนูเอจะอย่างไรก็ต้องออกมาจากบ้านหลังนั้นไม่เวลาใดก็เวลา หนึ่ง พวกเรารอคอยจังหวะเหมาะๆ ถ้าโอกาสเปิดให้ก็บุกรวบตัวมาเลย"
คนขับรถจอมเจ้าเล่ห์ ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
"ขอเพียงเราชิงตัวคุณหนูเอมาได้ รับรองว่าคนอย่างนายชูชาติ ไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับการส่งคนมารังควาน บุกมาชิงตัวคืนเป็นแน่ นายก็รีบพาคุณหนูเอกลับกรุงเทพ หลังจากพอนายเปิดตัวคุณหนูเอเป็นคู่อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ต้องกลัวใครอีกต่อไป..."
เริงชัยครุ่นคิดไปแล้วก็ผงกศีรษะ
"มึงว่ามีเหตุผล ว่าแต่นายพนมล่ะ มึงลืมมันไปแล้วหรือ"
นายสอนหัวเราะฮิ ฮะ กล่าวเบาๆ
"เรื่องนายพนมนั้นนายไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้เผื่อๆ คนที่ผมจ้างวานไปคงสั่งสอนให้มันได้รู้แล้วว่าใครเป็นใคร..."
เริงชัยมองหน้าคนขับรถอย่างสงสัย
"มึงทำอะไรกับนายพนมวะ..."
คนขับรถเจ้าเล่ห์ไม่รอช้าที่จะเรียกคะแนนเข้าหาตัว รีบกล่าวว่า
"ผมรู้ดีว่านายคงไม่ปล่อยให้คุณหนูเอหลุดมือไป เลยขอเป็นมือเป็นเท้าช่วยให้นายสมหวังในตัวคุณหนูเอง่ายขึ้นน่ะสิครับ..."
เริงชัยหัวเราะออกมาได้ ความขุ่นมัวเริ่มคลายลงเพราะแลเห็นหนทางแก้มือสองพี่น้องตระกูลเกรียงไกรวัฒนะ
"เออ มึงทำดี ถ้ากูได้หนูเอมาครองเต็มตัว รับรองว่ามึงได้รับรางวัลอย่างสุดงามแน่นอน"
นายสอนหัวเราะร่า รับคำด้วยความยินดี

..............................................

สตรีวัยกลางคนที่พนมเห็น ความจริงก็คือคุณสายใจ แม่บ้านผู้ที่เลี้ยงดูปาริฉัตรกับปรีณามาตั้งแต่เล็กน้อยนั่นเอง
วันนี้ด้วยความรู้สึกรุ่มร้อนในใจบางอย่างที่รบกวนใจจนบอกไม่ถูก ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่บ้านของพนมเพื่อรอพบกับคุณบีของเธอ
แต่พอรถแทกซี่ที่เธอโดยสารมาถึงบ้านของพนม และพบรถยนต์ของชายหนุ่มจอดคาอยู่หน้าประตู เปิดประตูกว้างเอาไว้อย่างผิดสังเกต
ความเป็นคนที่มีการศึกษาพอสมควร ทำให้เธอรู้สึกไม่ถูกต้อง แทนที่จะลงจากรถแทกซี่และจ่ายเงินอย่างเดียว เธอขอให้คนขับรถซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ที่เธอชวนสนทนามาในระหว่างทางจนพอจะเชื่อ ใจได้ให้เป็นเพื่อนเข้าไปในบ้านของชายหนุ่มด้วยกัน
นายสุขซึ่งเป็นอดีตนักมวยเก่าเลิกอาชีพมวยมาขับรถรับจ้างเห็นด้วยกับคุณสาย ใจถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ด้วยความที่มีใจนักเลงไม่กลัวใครเขาจึงตกลงใจลงจากรถตามเข้าไปในบ้านด้วย
มันเป็นจังหวะเวลาที่บังเอิญราวกับเทวดาดลใจช่วย คุณสายใจกับนายสุขปรากฏตัวเข้าไปในเวลาที่พนมนอนสลบเหมือด ก่อนที่ชายฉกรรจ์สองคนที่แอบทำร้ายชายหนุ่มจะทำการใดต่อไป คุณสายใจก็ร้องลั่นบ้าน
"ช่วยด้วยยยยยย....โขมยยยยยย ช่วยด้วยยยยย..."
สองโจรที่ถูกนายสอนว่าจ้างมา สะดุ้งไปกับเสียงของคุณสายใจ พอเห็นเป็นผู้หญิงกลางคนก็ค่อยเบาใจ
"บ๊ะ อีแก่นี่เสือกแหกปากร้องออกมาได้"
พวกมันคำราม พร้อมกับถลาจะเข้ามาเล่นงาน ทำให้คุณสายใจร้องลั่นอย่างตกใจ ขยับวิ่งหนี สองโจรวิ่งตามมาอย่างย่ามใจ ไม่ทันรู้ว่าอะไรรออยู่ตรงมุมกำแพง
ทันใดนายสุขก็โผล่ออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ประเคนหมัดลุ่นๆ พร้อมกับเข่า อัดชายทั้งสองคนเข้าที่ลิ้นปี่
พลั่ก พลั่ก

คนทั้งสองเจอหมัดสากเหล็กของนายสุข จนตัวงอ ไม่ทันจะได้ตั้งตัว บาทาตะลุมพุกของนายสุขก็สะบัดเข้ากระทบกระโดงคางของทั้งคู่ จนโจรร้ายทั้งสองคนกระเด็นหงาย นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง สลบไปคาเท้าของนักมวยเก่าทันที
พอเห็นสองโจรหมอบไปกับพื้นแล้วคุณสายใจก็ค่อยคลายใจลง รีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ขณะที่นายสุขคว้าคอเสื้อของชายฉกรรจ์ทั้งสองลากตามเข้ามาด้วย
ร่างของพนมที่นอนคว่ำเหยียดไปกับพื้นไม่ไหวติง บริเวณท้ายทอยนั้นมีแผลจากการถูกตีด้วยของหนักจนโลหิตไหลโกรกออกมาแดงฉาน สภาพของชายหนุ่มนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นใจให้กับคุณสายใจอย่างมาก รีบถลาเข้าไปคุกเข่าข้างๆ ตัวของชายหนุ่ม ละล่ำละลักเรียกชื่อเขา พร้อมกับเขย่าไปที่ลำตัวของพนม
"คุณหนึ่ง..คุณหนึ่งคะ..."
นายสุขที่ถอดเสื้อของโจรทั้งสองออกมามัดมือมัดเท้าเอาไว้แน่นแล้วเดินตามมา ดู แต่เพราะเขาเป็นได้แค่ทหารเลว ประเภทออกกำลัง ไร้ซึ่งสติปัญญาก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน ได้แต่ยืนดูตาปริบๆ มองดูคุณสายใจนั่งคุกเข่าร้องเรียกชื่อพนมอยู่อย่างนั้น
คุณสายใจที่อารมณ์กระเจิงไปชั่วขณะหนึ่งพอรวบรวมสติได้ รีบหันกลับไปหานายสุข
"วานพ่อช่วยโทรศัพท์ไปหาตำรวจทีเถอะ แจ้งว่ามีคนบาดเจ็บที่บ้านนี้"
นายสุขค่อยตาโพลงคิดออกได้ว่าควรทำอะไร ผงกศีรษะให้กับคุณสายใจ
"ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ..."
คนขับแทกซี่หมัดดินระเบิดผละไปแล้ว คุณสายใจค่อยๆ พลิกร่างของพนมให้กลับมานอนหงาย เธอหันรีหันขวางแล้วปราดไปหยิบหมอนอิงที่ตกอยู่บนพื้นมารองศีรษะของชายหนุ่ม พร้อมกับใช้มืออังไปที่จมูกของพนม พอพบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ แม่บ้านพี่เลี้ยงของสองศรีพี่น้องปาริฉัตรกับปรีณาค่อยเบาใจลง
จากนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นเดินแกมวิ่งเข้าไปในห้องครัว รองน้ำอุ่นมาหนึ่งอ่างพร้อมกับชุบผ้าขนหนูซับเลือดไปตามท้ายทอยของพนมไปตาม มีตามเกิดเท่าที่เธอจะมีความสามารถทำได้
อีกพักหนึ่งหนึ่งนายสุขกลับมา พร้อมกับบอกว่าโทรไปหาตำรวจเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็คงจะมาถึง
คุณสายใจผงกศีรษะรับคำ หลังจากใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆ เช็ดไปตามใบหน้าของพนมอีกพักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงครางหนักๆ ในลำคอของชายหนุ่ม เธอจึงโพล่งออกมาอย่างยินดี
"คุณหนึ่ง..คุณหนึ่ง..."
และเมื่อเธอแลเห็นอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองแล้วพยายามอ้าปากทัก แต่ไม่พูดออกมา อ้ำๆ อึ้งๆ คุณสายใจก็ถามอย่างเป็นห่วง
"คุณหนึ่งไม่เป็นอะไรมากนะคะ แผลที่ศีรษะน่ากลัวเหลือเกิน..."
แม้ความปวดที่ท้ายทอยนั้นยากจะทนทานรับได้ แต่ความจริงที่กำลังคุกคามเขาอยู่นั้นรุนแรงยิ่งกว่า พนมพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่คุณสายใจกดร่างเขาเอาไว้
"คุณหนึ่งนอนพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวตำรวจกับรถพยาบาลก็คงมาถึงแล้ว"
พนมยกมือกุมขมับ ส่งเสียงครางออกมาหนักๆ ก่อนจะหันไปยังคุณสายใจ พร้อมกับส่งเสียงแหบแห้ง
"ขอโทษ..คุณคือใคร..และผมคือใคร...ผม...ผม..ผม..จำอะไรไม่ได้เลย..."
คำพูดประโยคนั้น กับแววตาของอีกฝ่ายที่จับจ้องมายังเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำให้คุณสายใจตกตะลึง เบิกตา อ้าปากค้าง นิ่งงันไปราวกับถูกมนต์สะกด ก่อนจะครางออกมาเสียงยาวด้วยความเสียใจ
"โถ....คุณหนึ่ง..."
............................................................

ชัยชนะกับเชี่ยวชาญที่กำลังเดินพลางคุยกันไปพลาง จุดมุ่งหมายของสองพี่น้องคือห้องเขียวที่ปาริฉัตรพักอยู่
ทันใดนั้น เท้าที่กำลังก้าวเดินของทั้งสองคนก็ชะงักลง เมื่อโทรศัพท์มือถือของชัยชนะดังกังวานขึ้นแทรกการสนทนาของทั้งคู่
สองพี่น้องมองหน้ากัน ก่อนที่ชัยชนะจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเบอร์ แล้วเบ้ปาก พึมพำ
"ของป๋า..."
ถ้าเป็นสายของคนอื่น ชัยชนะคงไม่สนใจจะรับแล้ว แต่เป็นโทรศัพท์ของชูชาติ ชายหนุ่มได้แต่จำใจเปิดรับ กรอกเสียงรับไป
"ครับป๋า..."
เสียงของชูชาติดังแทรกมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง
"นายชัย วันนี้นายตามฉันไปที่สนมกอลฟ์ด้วย มาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุย เรื่องสำคัญนายจะต้องรับรู้ด้วย"
ชัยชนะทำหน้าเบื่อหน่าย ขยับปากจะพูดอะไรแล้วก็เปลี่ยนใจ ตอบรับคำผู้เป็นบิดาก่อนจะวางหูลง
เชี่ยวชาญหัวเราะเสียงดัง ยกมือตบบ่าหนาของพี่ชายค่อนข้างแรง กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
"ไม่ต้องห่วงน่าพี่ชัย เรื่องของคุณเอคนสวยให้ผมจัดการเอง รับรองว่าจะแต่งตัวให้เช้งวั้บเลย เอาไว้ไปสมทบกันที่ผับคืนนี้ก็แล้วกันน่า"
ชัยชนะส่ายศีรษะ บ่นพึมพำกับตัวเองอย่างขัดใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป ทิ้งให้เชี่ยวชาญเดินผิวปากยิ้มกริ่มเดินตรงไปยังจุดหมายปลายทางคือห้อง เขียวตามลำพัง
เชี่ยวชาญผงกศีรษะให้กับ เดชาสมุนคนสนิทยืนราวกับยักษ์ปักหลั่นเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องตามคำสั่ง ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไปส่งเสียงทักทายปาริฉัตรที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ริม หน้าต่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เป็นไงครับ คุณเอ รู้สึกสบายดีขึ้นหรือยัง"ปาริฉัตรหันกลับมา ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางตกแต่งมากไปกว่าผัดหน้าด้วยแป้งบางๆ ยังคงงดงามชวนฝันไม่สร่างซา เชี่ยวชาญจับจ้องมองไปแบบไม่รู้เบื่อ ขณะที่เดินเข้ามาโน้มตัวจรดริมฝีปากไปตรงแก้มผ่องนั้นอย่างถือสิทธิ์ ซึ่งหญิงสาวก็มิได้บ่ายเบี่ยงขัดขืนแต่อย่างใด เอนศีรษะได้รูปนั้นรับการจุมพิตแต่โดยดี
"อือม์ ชื่นใจผมจัง"
เชี่ยวชาญพึมพำอย่างชื่นอกชื่นใจ ผละตัวออกไปเล็กน้อย กวาดตามองไปทั่วร่างงามเบื้องหน้าแล้วยิ้มพลางว่า
"ดูคุณเอสดใสขึ้นกว่าเมื่อคืนมากแล้ว วันนี้ตามผมออกไปนะครับ ผมจะพาไปหาซื้อเสื้อผ้า เสริมสวยซะหน่อย คืนนี้จะได้ไปเที่ยวกัน"
ปาริฉัตรนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก็ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากผุดลุกขึ้น เดินไปที่หัวเตียงหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา ระหว่างนั้นเชี่ยวชาญหัวเราะหึหึ ส่งเสียงเคล้าหัวเราะให้หลัง
"ความจริงพี่ชัยเขาตั้งใจไปด้วยนะ แต่ป๋าเรียกตัวไปซะก่อน ท่าทางหัวเสียน่าดู ผมเลยรับปากว่าจะทำให้เขาเซอร์ไพรส์คืนนี้"
ปาริฉัตรที่หันหลังให้กับเชี่ยวชาญนั้น กระพริบตาถี่ถี่พยายามไล่น้ำตาที่หล่อรื้นขึ้นมา ก่อนที่ดวงตาคู่งามนั้นจะเปล่งประกายแวววาวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าแววตาให้เป็นปกติ
หลังจากนั้นหญิงสาวสูดลมหายใจยาวๆ ก่อนที่จะแย้มเยื้อนริมฝีปากบางงามจนแลเห็นฟันขาวราวกับไข่มุกพร้อมกับหันกลับไปยังเชี่ยวชาญ
"ไปสิคะ เอพร้อมแล้ว"
เชี่ยวชาญผิวปากหวือ กางแขนรอท่า ซึ่งปาริฉัตรอ่านท่าทางของอีกฝ่ายออก จึงเดินเข้าไปคล้องแขนลำงามของตนเองเข้ากับแขนของชายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินออกไปจากห้องมุ่งตรงออกไปจากบ้าน โดยมีเดชาตามไปไม่ห่าง

............................................

ใบหน้าที่ง่วงเหงา เบื่อหน่ายของนายสอนที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ห่างๆ ออกไปจากคฤหาสถน์หลังงามของชูชาติ เกรียงไกรวัฒนะ ผงะขึ้นอย่างสนใจ เมื่อสายตาของเขาปะทะไปยังรถสปอรต์ตอนเดียวคันงามที่เล่นเอื่อยๆ ออกมาจากประตูใหญ่ และมุ่งผ่านมาตามทางที่เขาจอดรถซุ่มอยู่
คนขับรถจอมเจ้าเล่ห์ รีบซุกหมวกที่สวมอยู่ลงปิดหน้า แต่นัยน์ตาหรี่อยู่ปราดมองไปยังตอนหน้าของรถอย่างฉับไว
ภาพรางๆ ของหญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างเชี่ยวชาญในตอนหน้านั้น มองไปแว่บเดียว นายสอนก็รู้ว่าคือปาริฉัตร
คนสนิทของเริงชัยแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก รอคอยรถที่เดชาขับตามหลังของรถเชี่ยวชาญผ่านหน้าเข้าไปพักหนึ่ง พอแน่ใจว่าไม่มีรถคันไหนตามมาอีก เขาก็วกรถกลับขับตามไปห่างๆ
นายสอนที่มัวแต่ระวังไม่ให้รถสองคันเบื้องหน้าคลาดสายตา จึงไม่ทันสังเกตว่าในเวลาเดียวกันนั้น ด้านหลังที่ห่างออกไปมีรถเก๋งสีดำคันเล็กอีกคันหนึ่งตามหลังเขามา
สองเด็กสาวที่นั่งอยู่ในรถเก๋งสีดำคันนั้น จะเป็นใครอื่นถ้าไม่ใช่ ดาวกับปรีณา สองเด็กสาวที่มุ่งมั่นมาที่หัวหินเพื่อพาตัวปาริฉัตรกลับไปกรุงเทพนั่นเอง
ตามที่วางแผนกันเอาไว้ สองเด็กสาวจะเฝ้าจับตาดูที่บ้านพักของเริงชัย เพื่อหาโอกาสเหมาะๆ เข้าไปหาปาริฉัตร โดยที่พวกเธอไม่ได้รู้แม้แต่น้อยว่าบัดนี้พี่สาวของปรีณาได้ตกไปอยู่ในกำมือ ของสองพี่น้องตระกูลเกรียงไกรวัฒนะแล้ว
พอเดินทางมาถึงบ้านพักของเริงชัย จากระยะห่างๆ ดาวก็จำรถที่นายสอนขับได้ทันที
"เอ แปลกจริง ทำไมอยู่ดีๆ พี่สอนถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ คุณอาเริงชัยไม่มีเหตุผลใดๆ จะเรียกตัวพี่สอนมาเลยนะ"
เด็กสาวขมวดคิ้วพึมพำกับตนเองอย่างสงสัย ปรีณาไม่รู้จะออกความเห็นอะไรก็ได้แต่นั่งเงียบๆ แต่แววตาที่มองไปยังรถคันนั้นเปล่งประกายยอกแสยงใจ เมื่อหวนนึกไปถึงประสบการณ์น่าอดสูที่ตัวเองต้องเผชิญกับการคุกคามของนาย แจ้งกับนายสอนสองพ่อลูก
ทั้งสองนั่งรออยู่ในรถ จนแลเห็นนายสอนเดินผิวปากออกมาขึ้นรถและขับออกไป ดาวหันไปมองหน้าปรีณาแล้วตัดสินใจ
"ดาวว่ามันคงอะไรไม่น่าจะชอบมาพากลซะแล้วล่ะ พวกเราลองสะกดรอยตามรถของพี่สอนไปก่อนละกันนะ"
ปรีณาผงกศีรษะเห็นพ้องด้วย ก่อนที่ดาวจะออกรถตามรถของนายสอนไปห่างๆ
จนกระทั่งพวกเธอแลเห็นนายสอนไปจอดรถซุ่มอยู่ตรงบริเวณคฤหาสถน์หลังงามของชู ชาติ ดาวจึงจอดรถให้ห่างออกไปอีกทอดหนึ่ง ต่างคนต่างสงสัยใจอยู่ครามครันว่านายสอนมาทำตัวลับๆ ล่อๆ อย่างนี้ด้วยเหตุผลอะไร
เนื่องเพราะไม่ได้มีความรู้ตัวมาก่อน และสองเด็กสาวมัวแต่เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของรถนายสอน ทำให้รถของเชี่ยวชาญกับรถของเดชาที่แล่นผ่านไปนั้นไม่ได้สะกิดความสนใจของ พวกเธอเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่เมื่อนายสอนวกรถกลับและออกตามรถของเชี่ยวชาญไป ดาวจึงเคลื่อนรถตามหลังไปบ้าง
เชี่ยวชาญพาปาริฉัตรไปจับจ่ายช๊อปปิ๊งตามห้างใหญ่ในตัวเมืองหลายแห่งแบบจ่าย เงินมือเติบไม่มีอั้น ซึ่งตลอดเวลานายสอนจับตามองดูอยู่ตลอด น่าเสียดายที่ดาวเกรงว่านายสอนจะรู้ตัวเลยไม่กล้าเข้ามาใกล้นัก เลยทำให้หลายๆ ครั้งที่ปาริฉัตรปรากฏกายออกมานอกรถ แต่พวกเธอก็ไม่มีโอกาสได้พบ มิเช่นนั้นปรีณาก็คงบุกเข้าไปหาพี่สาวด้วยความใจร้อนไปเรียบร้อยแล้ว
รายการเสริมสวยที่เชี่ยวชาญเตรียมไว้นั้นไปจบตรงที่เขาพาหญิงสาวไปยังร้าน บูติกสุดหรู ซึ่งเป็นบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกเจ้าของดัดแปลงให้เป็นทั้งร้าน เสริมสวย และตัดแต่งเครื่องแต่งกาย ซึ่งภายในร้านนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา บ่งบอกถึงระดับของลูกค้าเป็นอย่างดี
เจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงวัยสามสิบกว่าท่าทางคล่องแคล่วชื่ออ้อย ปราดเข้ามาทักทายเชี่ยวชาญแสดงความรู้จักกันเป็นอย่างดี
"ต๊าย คุณเชี่ยว อายุยืนจังเลยค่า อ้อยกำลังบ่นกับเด็กๆ ว่าหมู่นี้คุณเชี่ยวไม่ค่อยย่างกรายมาเลย..."
เชี่ยวชาญยิ้มกริ่ม หัวเราะให้กับเจ้าของร้านผู้ปากหวานเป็นน้ำเชื่อม ขณะที่เปิดประตูให้กับปาริฉัตรเดินออกมา ซึ่งพอคุณอ้อยเจ้าของแลเห็นปาริฉัตรเต็มตา ก็ยกมือปิดปากด้วยท่าท่างเต็มไปด้วยจริตก้าน ปราดเข้ามาคล้องแขนหญิงสาวเอาไว้ราวกับสนิทสนมกันมานานปี
"ต๊าย สวยเหลือเกิน น้องจ๋า ชื่ออะไรคะนี่..."
คุณอ้อยจีบปากถามเสียงหวาน ปาริฉัตรถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะเขินอายไปแล้ว แต่บัดนี้หญิงสาวรู้สึกกร้านไปกับโลกต่างจากปาริฉัตรเมื่อไม่กี่วันก่อน ลิบลับราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน ซึ่งตอนนั้นเธอเพียงยิ้มตอบคำไปเบาๆ
"ชื่อเอค่ะ.."
"อุ๊ย ชื่อก็น่ารักสมตัว คุณเชี่ยวนี่ตาแหลมจริงค่ะ อ้อยกล้ารับรอง ถ้าจับน้องเอส่งประกวดนางสาวไทยแล้วไม่ได้ที่หนึ่ง อ้อยยอมปิดร้านเลย"
หล่อนพูดจบแล้วก็หัวเราะร่วน เดินจูงแขนปาริฉัตรเข้าไปในบ้านอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งเชี่ยวชาญเดินยิ้มหน้าบานเดิมเข้าไปติดๆ
ในเวลานั้นดาวที่จอดรถอยู่ด้านหลังรถของนายสอนไปอีกทอดหนึ่ง เริ่มจับกระแสอะไรได้ กล่าวอย่างชั่งใจ
"ถ้าดาวเข้าใจไม่ผิด พี่สอนจะต้องสะกดรอยตามใครสักคนหนึ่ง เหมือนที่เราจะสะกดรอยพี่สอนอย่างนี้แหล่ะ"
ปรีณาถามเบาๆ
"ดาวรู้ไหมจ๊ะ ว่าเขาตามใครอยู่"
ดาวสั่นศีรษะ มองไปยังรถของเชี่ยวชาญที่เห็นแต่ไกล พลางว่า
"ไม่รู้เหมือนกัน เพราะระยะห่างเกินไป ดาวไม่เห็นคนขับ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่นเลยล่ะดูจากรถที่ขับ"
ปรีณาที่พะวงอยู่แต่เรื่องของพี่สาว และไม่ได้มีความรู้แม้แต่น้อยว่าพี่สาวอันเป็นที่รักอยู่ห่างออกไปไม่กี่ ร้อยเมตรข้างหน้านี้เอง กล่าวกับดาวว่า
"บีบอกตามตรงนะว่าใจร้อนเรื่องพี่เอมาก เรากลับไปคอยดูอยู่ที่บ้านของคุณลุงเริงชัยดีกว่าไหมจ๊ะ"
ดาวนิ่งคิดไปชั่วขณะหนึ่งก็ผงกศีรษะ
"ตกลงจ้ะ เรากลับไปเฝ้าที่หน้าบ้านของคุณอาเริงชัยกัน..."
เด็กสาวว่าแล้วก็หักพวงมาลัย เคลื่อนรถเก๋งสีดำคันงามของตนเองวกกลับออกไป.........

.....................................

เชี่ยวชาญที่นั่งคอยจนเบื่อ เริ่มผุดลุกขึ้นเดินไปมาอย่างหงุดหงิด เพราะปาริฉัตรตามเจ้าของร้านหายเข้าไปด้านในร่วมชั่วโมงแล้ว
ทันใดนั้นคุณอ้อยเจ้าของร้านก็เดินยิ้มกริ่มออกมา เชี่ยวชาญหันไปหาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"ทำไมช้านักล่ะ คุณอ้อย.."
"โถ..คุณเชี่ยวขาาา...."
คุณอ้อยส่งเสียงยาวหวานหยดย้อย เดินเข้าเกาะแขนของชายหนุ่มอย่างสนิทสนม พาจูงเดินไปด้านใน
"ของดีก็ต้องรอหน่อยสิคะ นี่ถ้าคุณเชี่ยวไม่พอใจกับผลงานของอ้อยล่ะก็ อ้อยไม่คิดเงินเลยค่ะสำหรับวันนี้"
เมื่อเจ้าของร้านผู้คล่องแคล่ว พาเชี่ยวชาญเข้าไปในห้องลองเสื้อด้านใน ขณะที่ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลายความเครียดลงแต่ก็ยังมีริ้วรอยหงุด หงิดจากนิสัยที่ชอบเอาแต่ใจตนเองจนเป็นนิสัย
ทันทีที่เชี่ยวชาญเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อที่ตกแต่งอย่างงดงาม โดยเฉพาะผนังครึ่งค่อนของห้องเป็นกระจกใสเงาวับแสดงถึงการทำความสะอาดขัดถู เป็นอย่างดี ยามนั้นกำลังสะท้อนเรือนร่างที่งดงามจับตาของหญิงสาวที่ยืนเหยียดอยู่กึ่ง กลางอย่างพร่าพราย
ใบหน้าที่จำเดิมบึ้งตึงเครียดขึ้งของชายหนุ่ม แปรเปลี่ยนตะลึงงันไปทันทีเมื่อแลเห็นสตรีที่เขาพามาเต็มตา
คุณอ้อยเจ้าของร้านยิ้มหวานหยดย้อย ผวาเข้ามาหาปาริฉัตรที่ยืนเหยียดตรงอยู่กลางห้อง จับหญิงสาวหมุนตัวรอบหนึ่ง คลื่นผมสีดำยาวไปจนถึงกึ่งกลางหลังที่สุดนุ่มมันเป็นประกายนั้นถูกอบไอน้ำ และรีดจนเรียบสลวยสะบัดพลิ้วล้อสายตาที่เบิกกว้างของเชี่ยวชาญ
"เป็นไงคะ น้องเอของอ้อย..."
คุณอ้อยหันไปถามเชี่ยวชาญเสียงหวาน ก่อนมองกลับไปยังปาริฉัตร ด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือการตกแต่งเสริมสวยของตนเอง
ซึ่งความจริงคุณอ้อยก็ควรจะภูมิใจในฝีมือของตนเองจริงๆ เพราะปาริฉัตรที่ในตอนนั้นตบแต่งใบหน้าอย่างบางเบาแต่ก็ขับให้วงหน้าที่อ่อน หวานนั้นสวยซึ้งตรึงใจ ชุดสูทสีขาวที่เน้นให้เห็นช่วงบ่าที่ลาดงดงาม ทับอยู่บนเสื้อไหมชั้นในปักลายพลิ้วสีขาวเข้ากับเสื้อสูท บวกกับกางเกงขายาวเนื้อบางเบาสีขาวทรงเก๋ที่รับกับช่วงขายาวเพรียวของ ปาริฉัตรไปจรดรองเท้าส้นสูงสีขาวยาวสี่นิ้ว เจ้าหล่อนก็แปลงร่างปาริฉัตรไปราวกับเป็นกุหลาบหิมะที่ทั้งสวย ทั้งเท่ห์ เต็มไปด้วยคลาสที่สูงสง่า ดูไปพิศไปตรงมุมไหนก็ล้วนแล้วแต่ตรึงตาในใจของผู้ที่ได้พบเห็น
อีกประการหนึ่งด้วยความเป็นคนที่คุ้นเคยกัน คุณอ้อยรู้ดีว่าเชี่ยวชาญนั้นเป็นคนที่มีรสนิยมอย่างไร ปาริฉัตรในชุดขาวหิมะนี้จึงตรึงตราเข้าไปในใจของเชี่ยวชาญที่ยืนตะลึง ลานอยู่ราวกับต้องมนต์สะกด
จนอึดใจใหญ่เชี่ยวชาญจึงได้สติ ชายหนุ่มเดินเข้ามาช้าๆ ดวงตาที่จับจ้องไปยังปาริฉัตรนั้นเปล่งประกายหลงใหลอย่างไม่ปิดบัง
"คุณเอ...คุณสวยมาก..สวยอย่างเหลือเชื่อจริงๆ"
เชี่ยวชาญกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้งแห่งใจ ซึ่งปาริฉัตรแย้มริมฝีปากที่ราวกับกลีบกุหลาบสีส้มอ่อนออกรับ ดวงตาที่หวานเป็นประกายนั้นพราวล้อความรู้สึกชายหนุ่มจนเชี่ยวชาญแทบขาดใจ ตายไปด้วยความเสน่หาอย่างฉับพลัน
คุณอ้อยยิ้มปากกว้างแบบไม่มีออม หัวเราะคิกๆ ขณะที่เชี่ยวชาญไม่มีแม้แต่เสียเวลาจะละสายตาจากปาริฉัตรมามองเธอ แค่กระดกมือสะบัดเป็นสัญญาณให้เจ้าหล่อนออกไปจากห้อง ซึ่งเจ้าของร้านผู้คล่องแคล่วอ่านสัญญาณออกดี ยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก เดินออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปิดประตูตามให้อย่างรู้ใจ โดยที่เดชาบอดี้การ์ดยักปักหลั่นของเชี่ยวชาญเคลื่อนตัวเข้าไปเฝ้าที่หน้า ประตูโดยทันที
ทันทีได้อยู่ตามลำพังของหญิงสาว เชี่ยวชาญก็ตวัดร่างงามนั้นเข้ามาในอ้อมอก ซึ่งปาริฉัตรโอนอ่อนเข้าไปหาชายหนุ่มโดยดี หงายหน้าน้อยๆ ด้วยจริตสาวแย้มปากสีส้มอ่อนออกรับการประทับจูบจากเชี่ยวชาญที่บดขยี้ลงมา อย่างกระหาย สองลิ้นของหนุ่มสาวกระหวัดพันกันอย่างดูดดื่ม
เชี่ยวชาญหอบหายใจ ความกระสันซ่านที่ระอุอยู่จนแทบทุกขุมขนนั้น ทำให้ใจของชายหนุ่มเต้นถี่ยิบราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งร้อยเมตรมาหยกๆ สองมือของเขาตวัดไปสมผัสตามเรือนร่างสุดงามนั้นอย่างละลานใจ
ปาริฉัตรหัวเราะเบาๆ ริมฝีปากจ่อเข้าไปที่ข้างหูของเชี่ยวชาญ ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอราดรดชายหนุ่มจนขนลุกชัน
"คุณเชี่ยวคะ..."
เสียงอ่อนเบาของหญิงสาวดังแผ่วแทรกโสตประสาทของเชี่ยวชาญเข้ามา ชายหนุ่มตอบสนองด้วยเสียงปานละเมอ
"อะไรหรือครับ คุณเอ..."
"คุณเชี่ยวรักเอไหมคะ..."
เสียงแผ่วหวานนั้น ละลายใจของเชี่ยวชาญจนอ่อนระทวยปวกเปียก ชายหนุ่มหอบพลางซอนไซร้จูบไปตามซอกคอขาวราวกับหิมะนั้น พึมพำตอบ
"คุณเอไม่รู้หรือ ตอนนี้ผมแทบคลั่งใจตายไปเพราะตัวคุณอยู่แล้ว..."
ปาริฉัตรหัวเราะคิก บิดเรือนร่างงามของตนเองเบียดเข้าไปกับอ้อมอกของอีกฝ่าย ก้อนเนื้อหยุ่นงามเสียดสีไปกับแผงอกของอีกฝ่าย ขณะที่สองมือที่งามจับตาเคลื่อนไปตามแผ่นหลังของชายหนุ่มนั้นกระตุ้นเร้า ความเป็นชายของเชี่ยวชาญจนตื่นตัวสุดขีด เขาครางออกมาอย่างสุดระงับ ยามนั้นอาวุธประจำกายที่พองโตสุดขีดดันเป้ากางเกงจนเจ็บแสบเหลือคณา
"ถ้าคุณเชี่ยวรักเอ...เอขออะไรบางอย่างได้ไหมคะ"
ปาริฉัตรกระซิบเสียงหวาน เชี่ยวชาญครวญครางออกมาเสียงกระเส่าเมื่อนิ้วมือเรียวงามนั้นเริ่มไต่ลงไปตามท้องน้อยของตนเอง
"ได้..ได้สิครับ...สุดที่รักของเชี่ยว..."
ชายหนุ่มพึมพำออกมากระท่อนกระแท่น
ปาริฉัตรยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่ปลายคางของชายหนุ่ม
"ต่อไปนี้เอขอมอบความสุขให้กับคุณเชี่ยวคนเดียวนะคะ...คุณเชี่ยวของเอคนเดียวเท่านั้น..."
เชี่ยวชาญชะงัก หวนนึกไปถึงพี่ชายกับบิดาขึ้นมาทันที
สำหรับบิดาไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่...แต่พี่ชายเขาน่ะสิ...
ตอนนั้นชายหนุ่มก้มหน้าลงมองปาริฉัตรที่แหงนหน้าตอบ ริมฝีปากนุ่มงามนั้นห่อน้อยๆ ประกบไปกับริมฝีปากของเขา ละลายความรู้สึกใดๆ ก็ตามที่จะยังเหลือฉุดรั้งในใจของเขาออกไปจนหมดสิ้น
เพราะจะอย่างไร พื้นฐานเชี่ยวชาญนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัวเองแต่ฝ่ายเดียวอยู่แล้วเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
ความหอมหวานสุดยอดที่รมเร้าเข้ามาจนแทบทำให้เขาสำลักความสุขนี้จนขาดใจตาย นี้ เชี่ยวชาญไม่มีความลังเลใจใดๆ อีกต่อไปที่จะเก็บเอาไว้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว
"นะคะ...คนดีของเอ..."
เสียงแผ่วหวานที่รุกล้ำเข้ามาราวมนตราอันลึกล้ำ ทำให้เชี่ยวชาญหมดความสามารถในการต่อต้านอีกต่อไป ร่างเซถลาเข่าอ่อนลงไปทรุดฮวบลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่
ขณะที่เรือนร่างงามราวกับสวรรค์สร้างเคลื่อนตามติดลงมาหา นิ้วเรียวงามเอื้อมไปกระหวัดที่เข็มขัดของเชี่ยวชาญปลดออกทีละน้อย อย่างช้าๆ ขณะที่ริมฝีปากนุ่มเนียนนั้นไต่ไปตามลำคอของชายหนุ่มไม่หยุด
เชี่ยวชาญหอบหายใจรวยริน หลับตาพริ้ม ครางออกมาอย่างละลานใจ

"ได้สิครับ สุดที่รักของเชี่ยว...ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เชี่ยวให้สุดที่รักคนนี้ของเชี่ยวไม่ได้"

ด้วยความเป็นห่วงอาการของพนม ทำให้คุณสายใจตัดสินใจตามรถพยาบาลที่พาชายหนุ่มไปด้วย ถึงแม้ในใจอดที่จะห่วงคุณบีสุดที่รักของเธอไม่ได้
คุณสายใจยังหลงคิดว่าปรีณาไปเรียนหนังสือตามปกติ และคงจะกลับไปที่บ้านของพนมในช่วงเย็นวันนั้น หารู้ไม่ว่าเด็กสาวแสนสวยสุดสวาทของเธอนั้นตอนนี้ไปอยู่ที่หัวหินแล้ว
เพราะความไม่รู้นั้นทำให้เธอกำชับกำชาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจตราสถานที่ อยู่ที่บ้านให้แจ้งข่าวที่เกิดขึ้น ถ้า ปรีณากลับมา ก่อนที่จะตามพนมไปโรงพยาบาล
ที่โรงพยาบาลนั้น หลังจากหมอทำการตกแต่งบาดแผลและห้ามเลือดเรียบร้อยแล้ว พนมก็หลับไปเพราะความเหน็ดเหนื่อยบวกกับฤิทธ์ยานอนหลับที่หมอจ่ายให้
คุณสายใจถามไถ่อาการของพนมกับหมอที่ทำการรักษาพยาบาล ก็ได้รับคำตอบว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการกระทบกระเทือนทางสมองนั้นยากที่จะคาดเดาอะไรได้
"เรื่องที่คุณพนมจำตัวเองกับคุณสายใจไม่ได้นี่อาจจะเป็นแค่อาการเพียงชั่ว คราว หรือยาวนานแค่ไหน ผมก็ยังให้คำตอบอะไรแน่นอนอะไรไม่ได้ในตอนนี้ครับ"
หมอเจ้าของกรณีพนม ให้คำตอบกับคุณสายใจ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า
"เพราะโดยทั่วๆ ไปการลืมเลือนนี้ก็กินเวลาไม่นานนัก พอร่างกายพักฟื้นได้สักพักหนึ่ง และมีคนใกล้ชิดคอยดูแล ส่วนใหญ่ความจำก็จะค่อยๆ คืนมาเอง แต่ก็มีบางรายเหมือนกันที่ความจำเสื่อมไปโดยไม่ฟื้นเลยเหมือนกัน"
คุณสายใจยกมือทาบอกอย่างหวั่นใจ ยกมือขึ้นจบศีรษะ
"คุณพระคุณเจ้าให้ช่วยคุ้มครองคุณหนึ่งด้วยเถิด"
หมอกล่าวปลอบใจคุณสายใจว่าทางโรงพยาบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอาการ ของพนมให้ดีที่สุด หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาขอสอบปากคำคุณสายใจ ซึ่งเธอก็ตอบไปตามจริงทุกอย่าง
"คุณตำรวจต้องทำโทษไอ้โขมยสองคนนั่นให้หนักเชียวนะคะ.."
คุณสายใจกล่าวอย่างขุ่นแค้น กับสารวัตรเจ้าของท้องที่คือพันตรีสุเทพ ผู้ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้จักคุ้นเคยกับพนมพอสมควร ซึ่งนายตำรวจหนุ่มก็กล่าวตอบว่า
"ผมเองก็รู้จักคุณพนมดี รับรองว่าจะสืบสวนคดีนี้ให้อย่างเต็มที่ครับ"
จากนั้นเขาก็ถามคุณสายใจ
"คุณปาริฉัตรภรรยาของคุณพนมล่ะครับ คุณสายใจติดต่อได้หรือยัง"
แม่บ้านวัยกลางคนอึกอักนิดหนึ่ง ก่อนจะว่า
"คุณเอเธอไปต่างจังหวัดน่ะค่ะ ดิฉันก็พยายามติดต่ออยู่"
"ถ้าคุณปาริฉัตรติดต่อกลับมา รีบให้เธอติดต่อมาหาผมเลยนะครับ เพราะดูจากรูปการณ์สถานที่แล้ว โจรสองคนนั้นไม่ได้มุ่งเข้ามาโขมยสินทรัพย์ เรื่องการบุกรุกนี้น่าจะมีความนัยอะไรอยู่ ผมต้องการสอบปากคำคนที่ใกล้ชิดกับคุณพนมทุกคน โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เขายังมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองอยู่.."
"ค่ะ..คุณตำรวจ ถ้าดิฉันติดต่อคุณเอได้ จะรีบให้เธอติดต่อคุณตำรวจทันที"
พันตรีสุเทพผงกศีรษะ ก่อนจะกลับกล่าวทิ้งท้าย
"ผมจะจัดให้เจ้าหน้าที่มาคอยอารักขาความปลอดภัยของคุณพนมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
คุณสายใจกล่าวขอบคุณ หลังจากนายตำรวจหนุ่มลาไปแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องคนป่วยที่พนมนอนหลับอยู่
ยามนั้นใบหน้าคมคายหล่อเหลาของพนมซีดเซียว มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะ คุณสายใจมองไปแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน นึกภวนาในใจ
"เจ้าประคู๊ณ ขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยขจัดปัดเป่าความวุ่นวาย เดือดร้อนที่ประดังเข้ามาในช่วงเวลาติดๆ กันนี้ให้พ้นไปด้วยดีด้วยเถิด"
............................................................
หลังจากเปลี่ยนใจเลิกติดตามรถนายสอน ดาวก็ขับรถกลับมาจอดซุ่มอยู่ ณ บริเวณหน้าบ้านพักรีสอร์ทหรูของเริงชัย
เด็กสาวทั้งสองเฝ้าจับตามองความเป็นไปภายในบ้าน แต่ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่พวกเธอจะสังเกตอะไรออกได้เลย จนเวลาผ่านพ้นไปจนเกือบทุ่มหนึ่ง ปรีณากับดาวค่อยมีทีท่ากระตือรือร้นขึ้นมา เมื่อพวกเธอมองเห็นเริงชัยเคลื่อนรถออกมาจากบ้านพัก
ปรีณาเพ่งมองเข้าไปในตัวรถ ซึ่งแม้จะติดฟิลม์กรองแสงแต่ก็ยังพอมองเห็นภาพภายในรางๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นยังไม่มืดนัก
เด็กสาวบอกกับตัวเองอย่างแน่ใจว่าภายในรถนั้นไม่มีใครคนอื่นอีกนอกจากเริงชัยคนเดียว
ดาวก็แลเห็นเช่นเดียวกับปรีณา เด็กสาวดีดนิ้วเปาะ เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
"คุณอาเริงชัยไปคนเดียว โอกาสดีเชียวล่ะบีจ๋า รอสักพักเดี๋ยวเราก็บุกเข้าไปพาพี่เอของบีออกมาเลย"
ปรีณาก็ยิ้มออกมาได้ สองเด็กสาวซึ่งไม่รู้สถานการณ์ความเป็นไปในปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย รอคอยสักพักจนแน่ใจว่าเริงชัยไม่ได้ย้อนกลับมาแล้ว ดาวก็เคลื่อนรถไปจอดตรงบริเวณหน้าบ้านพัก
ก่อนอื่นเด็กสาวเจ้าของรถเปิดฝากระโปรงหลัง เดินเข้าไปรื้อค้นแม่แรงที่ใช้เปลี่ยนล้อ หยิบออกมาเดาะในมือ กล่าวอย่างทะมัดทะแมงกับปรีณา
"เอาล่ะ เราเข้าไปกันเลย"
สองเด็กสาวพากันปีนกำแพงบ้านเข้าไป เนื่องจากทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ค่อนข้างจะโลดโผนด้วยกันทั้งคู่ จึงพาตัวเข้าไปภายในบ้านอย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก
ตัวบ้านยังเปิดไฟทิ้งเอาไว้ แต่บริเวณภายในนั้นเงียบสนิท ไม่ปรากฏสุ้มเสียงใดๆ ที่จะบ่งบอกว่ามีผู้อาศัยอยู่ภายในเลยแม้แต่น้อย
ดาวเดินย่องเข้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง พยายามป้องมือมองเข้าไป แต่ก็เห็นอะไรไม่ชัดเพราะด้านในนั้นขึงม่านอยู่ ขณะที่ปรีณาเดินไปที่ประตูหน้าขยับลูกบิด ปรากฏว่าถูกล๊อคอยู่
ดาวเดินตามมากระซิบ
"เราอ้อมไปด้านหลังกัน"
ปรีณาผงกศีรษะ สองสาวเดินย่องด้วยใจที่เต้นระทึก ด้วยจะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กสาวรุ่นอยู่มาก ไหนเลยเคยจะเคยมาทำการลับๆ ล่อๆ อย่างนี้
ประตูด้านหลังก็ถูกล๊อคอยู่เหมือนกัน ปรีณาหันมามองหน้าดาวเป็นเชิงหารือ ซึ่งเด็กสาวกร้านโลกีย์ผงกศีรษะบอกเป็นสัญญาณให้เพื่อนสาวขยับถอยห่างออกไป พลางยกแม่แรงในมือขึ้นชู ซึ่งปรีณาก็ขยับถอยไปอย่างเข้าใจดี
จากนั้นดาวก็สูดลมหายใจลึกๆ กลั้นหายใจ ก่อนที่จะรวบแรงทุบแม่แรงนั้นลงไปตรงตัวลูกบิดเต็มแรง
กึงงงงงงงงงง
เสียงโลหะกระทบดังกังวานไปทั่วบริเวณ ปรีณาใจหายวาบ หันรีหันขวางอย่างกลัวว่าเสียงนั้นจะไปกระตุ้นให้คนใกล้ๆ รู้ตัว
"ดาวจ๋า...เสียงดังจัง"
ปรีณากระซิบ ดาวขบกรามกรอด พึมพำตอบ
"ช่วยไม่ได้ ต้องรีบทำล่ะจ้ะ มาถึงตอนนี้แล้ว"
จากนั้นเธอก็เกร็งแขนหวดแม่แรงทุบลงไปอีกเต็มเหนี่ยว กึงงงง กึงงงง กึงงงงง
หลังจากทุบอยู่ราวสิบกว่าที ลูกปิดประตูนั้นก็หงิกงอ ห้อยร่องแร่ง ดาวหันมายังปรีณา กล่าวว่า
"บีเอาเท้ายันไปที่ประตูแรงๆ เลยนะ"
ปรีณาผงกศีรษะรับ จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันกระทืบเท้ากระแทกยันไปที่ประตูอย่างเต็มกำลัง
ตึง ตึง พลัวะ พลัวะ ปึงงงงง!!!
ในที่สุดประตูไม้ที่ถูกทุบจนกลอนหัก ก็ถูกกระแทกเปิดเข้าไปข้างในจนได้
สองเด็กสาวไม่สนใจอะไร รีบกรูกันเข้าไปในภายในบ้าน ปรีณาส่งเสียงร้องดังลั่นบ้าน
"พี่เอ...พี่เอ..."
ดาวก็ผสมโรงช่วยตะโกนเรียกด้วย แต่ทว่าทั้งสองได้รับแต่ความเงียบเป็นการตอบรับ ต่างพากันวิ่งวุ่นวายไปตามห้องหับต่างๆ แต่ไหนเลยจะมีร่องรอยของพี่สาวอันเป็นที่รักของปรีณา....
เด็กสาวแสนสวยทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้
"เราทำไงต่อดีล่ะ ดาว..พี่เอไม่รู้หายไปไหน"
ดาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร
ขณะที่สองเด็กสาวกำลังยืนงงๆ กันอยู่ ต่างก็พากันสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงเครียดๆ ดังก้องขึ้นมาอย่างกระทัน
"นี่พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่.."
ดาวกับปรีณาหันขวับไปที่ต้นเสียง ก็พบกับเริงชัยยืนหน้าเครียดจับจ้องมองมาอยู่แล้ว!!!

.............................

รถสปอร์ตตอนเดียวของเชี่ยวชาญที่แล่นออกผ่านรถของนายสอนที่จอดซุ่มอยู่นั้น เปิดประทุนออก เพราะเจ้าของรถหนุ่มนั้นบังเกิดความต้องการอย่างล้นเหลือที่จะประกาศก้องให้ คนทั้งหลายได้รู้ได้เห็นความงามของสตรีที่นั่งเคียงข้างเขา
นายสอนที่นั่งซุ่มอยู่แลเห็นปาริฉัตรในชุดขาวอย่างชัดเจน ความใสสว่างราวกับเป็นดาวประกายพรึกของหญิงสาวในชุดเครื่องแต่งกายนั้น ผมยาวสลวยนุ่มละเอียดที่พลิ้วไสวลู่แรงลมประกอบเป็นภาพที่งดงามจับตาเหลือ ประมาณ จนนายสอนนั้นอ้าปากค้าง
"สวยเหลือเกินคุณหนูเอ...มิน่านายจึงหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"
คนขับรถคนสนิทของเริงชัยคิดในใจ
ในเวลานั้น รถของเชี่ยวชาญแล่นผ่านไปยังจุดที่ดาวจอดรถซุ่มอยู่ก่อนหน้านี้
อา...ถ้าพวกเธอทั้งสองไม่เปลี่ยนใจไปซะก่อน ปรีณาจะต้องมองเห็นพี่สาวสุดที่รักของเธออย่างแน่นอน...
ความคลาดกันไปอย่างน่าเสียดายนี้ ไปบรรจบลงที่เด็กสาวทั้งสองต้องไปเผชิญหน้ากับเริงชัยที่บ้านพักของหนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์

สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่าผลที่ตามมาจะคืออะไร!!!

........................................

หลังจากที่เสร็จสิ้นการออกรอบที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่ายในความรู้สึกของชัย ชนะ ชายหนุ่มซึ่งมีฝีมือในเชิงกอลฟ์ในขั้นแฮนดี้แคปเลขตัวเดียวก็สิ้นสุดวันด้วย การตีออกทะเลไม่เป็นน้ำเป็นท่า จนพรรคพวกร่วมก๊วนแปลกใจไปตามกัน
ไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกของชัยชนะแม้แต่ชูชาติผู้ซึ่งเป็นบิดา แต่นักการเมืองรุ่นเก๋าก็ไม่ได้มีความคิดที่จะใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะก๊วน "การเมือง" ที่ตนเองเล่นไป เจรจาต่อรองผลประโยชน์ไปนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญกว่ามากต่อมาก
ชัยชนะที่ได้รับการมอบหมายเป็นทายาททางการเมืองคนสำคัญของชูชาติ รับฟังการสนทนานั้นบ้าง ไม่ฟังบ้าง เพราะในใจของชายหนุ่มโลดแล่นไปหาเงาภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดไม่ เคยฝันว่าจะบังเกิดใคร่เสน่หาถึงเพียงนี้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของชายหนุ่มไม่ทราบว่าพล่าผลาญดอกไม้ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามนักหนามาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้ถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
ชัยชนะบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงมีอิทธิพลต่อความคิดของเขา นัก เขาเพียงแต่ตระหนักกับตนเองว่าทุกประการในตัวของเธอประกอบขึ้นเป็นความงดงาม บริสุทธิ์ สูงสง่า เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นไอแห่งความหอมหวาน ที่เย้ายวนใจให้ใคร่ลิ้มลองรสชาติอย่างไม่มีเบื่อ
หลังจากที่ตัดสินใจยอมมากับบิดาในวันนี้และปล่อยให้ปาริฉัตรไปกับเชี่ยวชาญ เพราะชัยชนะนึกลำพองในใจอยู่ว่าตัวเองนั้นไม่มีทางลุ่มหลงต่อผู้หญิงคนหนึ่ง จนปล่อยให้มาบดบังความสำคัญในเรื่องของงาน โดยเฉพาะงานการเมืองที่เขาเป็นตัวจักรสำคัญในสายงานของบิดา
แต่วันนี้ตลอดบ่อย ชัยชนะยอมรับกับตัวเองว่าเขาคิดผิดไปถนัดความวุ่นวายในใจ เงาภาพใบหน้าอันสวยซึ้งที่ผุดขึ้นในความคิดแทบจะทุกลมหายใจ ทำให้เขาบ่งบอกกับตัวเอง เขาไม่มีทางจะยอมให้สตรีคนนี้หลุดมือไปเป็นคนอื่นเป็นอันขาด

แม้ว่าคนอื่นนั้นจะเป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของเขาเอง....
"คืนนี้จะต้องคุยกับนายเชี่ยว...เรายอมมันมามากต่อมากแล้ว...ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นของเราคนเดียว..คนเดียวเท่านั้น........"
ชัยชนะครุ่นคำนึงอย่างมาดมั่น ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์ เมื่อวาดฝันถึงเวลาที่จะได้ครอบครองปาริฉัตรเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อสิ้นสุดการออกรอบที่สุดแสนจะทรมานในใจของชายหนุ่ม ชัยชนะก็บอกกับบิดาของเขาทันที
"ป๋า ผมมีนัดสำคัญกับเพื่อน ไม่ไปดินเนอร์ด้วยนะ"
ชูชาติหันมากล่าวเสียงเย็นชา
"หวังว่านัดสำคัญที่แกหมายถึงคงไม่ใช่นัดกับผู้หญิงในห้องเขียวนะ นายชัย"
ชัยชนะทำใจแข็งสู้บิดาอย่างใจเย็น หัวเราะเบาๆ ส่ายศีรษะ พยายามพูดเสียงปนหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขำขัน
"โธ่ ไม่ใช่หรอกครับ แหม ป๋าก็น่าจะรู้ใจผมดีไม่ใช่หรือ เล่นกับใครก็ไม่เคยจริงจังด้วยหรอก"
ชูชาติใช้ตาอันแหลมคมของนักการเมืองอันเจนจัดมองบุตรชายคนโตแน่นิ่ง กล่าวช้าๆ
"ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี"
ชัยชนะลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ อย่างโล่งอก เมื่อในที่สุดบิดาผงกศีรษะ โบกมือเป็นสัญญาณให้เขาไปได้
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มทะยานรถยนต์คันหรูของตนเอง ตะบึงตรงไปยังจุดหมายที่เขาคาดหวังจะได้พบหน้าของสตรีที่เข้าเฝ้าใคร่ครวญ คำนึงถึงอยู่แทบทุกลมหายใจ!!!

..........................................

นายสอนที่ขับรถสะกดรอยตามรถของเชี่ยวชาญ กับรถของเดชาไปเรื่อย ๆ นั้น ก็โทรศัพท์ไปรายงานเริงชัยเป็นระยะๆ
ขณะที่ขบวนเดินทางนั้นมุ่งลงไปทางใต้เรื่อยๆ จนนายสอนมองเห็นรถสองคันด้านหน้าแยกจากทางใหญ่เข้าไปทางย่อยสู่เส้นทางลงไป ยังบริเวณอ่าวมะนาว

เนื่องจากเข้าทางย่อยแล้ว นายสอนจึงผ่อนความเร็วทิ้งระยะห่างจากรถสองคนข้างหน้าไปอีกช่วงใหญ่เพราะ เกรงนายเดชาที่ขับรถตามรถของเชี่ยวชาญจะรู้ตัว

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
นายสอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับ ก็ได้ยินเสียงนายแจ้งบิดาของตนเองละล่ำละลักดังมาจากอีกด้าน
"เฮ้ย ไอ้สอนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไอ้สองตัวที่มึงจ้างวานไปบุกบ้านนายพนม ถูกตำรวจรวบตัวเข้าซังเตไปแล้วโว้ย..."
นายสอนใจหายวาบ มือที่กำโทรศัพท์นั้นเกร็งแน่น
"ชิบหายล่ะเว้ย คราวนี้เราจะทำยังไงดี รู้สึกนายพนมจะเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย"
นายสอนรู้สึกหงุดหงิดไปกับเสียงบิดาของเขาที่โวยวายมา กล่าวเสียงเครียดๆ
"เออ ให้ฉันได้มีโอกาสคิดหาทางหนีทีไล่ก่อนล่ะกัน แล้วฉันจะโทรไปหาพ่อเองทีหลังนะ"
คนขับรถจอมเจ้าเล่ห์พูดจบก็กดปุ่มตัดสัญญาณ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน
ตอนนั้นบรรยากาศภายนอกนั้นมืดมากแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเงามืดทะมึนผืนหนักที่แผ่เข้าปกคลุมความคิดของคนสนิทของเริงชัยในยามนี้...

...................................

ไม่มีความคิดเห็น: